ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

พญามุจลินท์....แห่งวัดดานลานธรรม(ลานหินแตก)..จ.บึงกาฬ

                                   คืนหนึ่ง..ที่สิ้นดาวพราว..พราวพราว.ยังไร้สิ้น...
.........หอมไอดิน..แกมกลิ่นป่า.ป่า...หามีไม่
.........ณ.?ความมืด..ปรากฎร่าง...ร่างผู้ใด..
.........ตัวสูงใหญ่..เทียมเมฆ...เสกร่ายมนต์

.......เผอิญเกล้าฯ...จิตสัมผัส...ระหัสรู้
........มิมองดู..ก็รู้ได้...น่าฉงน..
........เพียงแค่ตรึก....ระลึกรู้...มิใช่คน..
........มิเวียนวน...เดินชำแรก...แทรกประตู

........ณ..วัดดานลานหินแตก


...คืนนั้น.กำลังหลับๆ....พระปภัสโรภิกขุ
คูบาบวชใหม่.(เกล้าฯ)..ได้มองเห็น
ผู้มาในยามวิกาล...บุกรุกในเคหะสถาน...ในเวลากลางคืน.....
ตอนนั้น..รู้สึกตกใจ...
..แต่ตัวจิตสัมผัส...
..
...หรือ..หรือ...
..เกิดทราบรู้...ว่าผู้..กระทำผิดในเวลานั้นคือ..
ชายหนุ่มรูปงาม..ใส่ชุดกษัตริย์ผู้สูงศักดิ์แบบ.โบราณ..ใส่เสื้อสีดำขลิบเงิน..ขลิบทอง.ที่คอเสื้อ..ที่แขนจะเป็นสีทองทั้งหมด..คือ.พ่อพญามุจลินท์นาคราช
...ว่าจะร้องทัก.
...แต่ก็ช้าไป...
..
...เพราะผู้มาในเพลานั้น....
..มาแบบกองโจร...มิทันให้เกล้าฯตั้งตัว...
.จู่โจม...โรมรัน

สาดน้ำอสรพิษสีแดงเพลิง....ไม่ใช่..หยด..สองหยด..นะขอรับ.แต่เป็นการะละมัง...หรือหนึ่งโอ่งใหญ่.
ทั้งที่ตามจริง...ก็ไม่ปรากฎว่าท่าน...พกพา..อะไร
เป็นแต่เพียง...

โครม !!!

ความรู้สึก.ตอนนั้นเหมือน..ถูกราด..ทั่วทั้งตัว.ชุ่มโชกเปียกปอน...เหมือนอยู่ในทะเลอันแสบร้อน..ขนาดมินิ
เกล้าฯ..แผดร้องเสียงหลง......
...
...จนหลงเสียงร้อง....ของตัวเอง..
มาตราบ..เท่าทุกวันนี้...

....ว่าร้อง..ไปได้อย่างไร....ร้องเป็น..ภาษาบาลี...
..ว่า...เอโก...นาโถ...ปัตติยา

ทำไมไม่ร้องว่า...โอ๊ย..!! (คนภาคกลาง)หรือ..เออะ!!..เออะ!!!(คนอีสาน.ร้อง)

มีข้อสังเกต.....รู้ว่ามีคนเดินเข้าห้อง...
แต่แล้วทำไม..ตัวเอง.ถึงลุกออกจากที่นอนไม่ได้.?.

ตามธรรมดา...
เวลาเกล้าฯ...นอนหลับๆ....เคยมีประสบการณ์.ถ้าหาก.มีผู้บุกรุกมาในยามวิกาล.(เทวภูมิ)..กายทิพย์ของเกล้าฯ...
..
จะออกไปไต่ถาม...ทันที..ว่าท่านมาด้วยเหตุใด...
จนพวกเทวภูมิตกใจ...ทำอะไรไม่ถูก..เดินไปหลบที่หลังบ้าน..ก็เคยมีมาแล้วในอดีต..
..
หรือ..จะมาทำร้าย...เหาะหนีก็เคยมีมาแล้ว...ทางความฝันผสานกึ่งจริง....มันเป็นเรื่องอดีต...
..
คืนนั้น...ที่ไปไหนไม่เป็น..ด้วยเหตุโดนมนต์นาคา..สะกดทัพแน่ๆ..
จึงทำให้เกล้าฯ..มิอาจหลบหนีได้

.....เหตุโดน..พ่อพญามุจลินท์เล่นงาน...
...
.ทำให้เกล้าฯ...
ตั้งคำถามทั้งวัน....ว่าทำไม...ท่านพ่อพญามุจลินท์
มาทำร้ายเกล้าฯ...คนเดียวหนอ
ทำไม..ถึงช่วยเหลือแต่..พระพุทธเจ้า..
หนอ....
...อะไรหนอคือสาเหตุ..ที่ท่านขัดเคือง..เกล้าฯ
...แต่เมื่อพิจารณาตามประวัติ..ท่านจอมนาคาผู้นี้..ได้รับการเชิดชูเกียรติ..สักการะเป็นอันมาก..
...
จนเป็นเหตุ..ให้หมู่มนุษย์..สักการะ..พญานาคา..ทั้งหลาย.ตราบเท่าทุกวันนี้.ก็ด้วยเหตุ..พ่อมุจลินท์นี้แหละ...ที่เป็นพญานาค..ต้นเรื่อง
ที่ในอดีต....ท่านมีผลงานเด่น...
คือ....บังฝน..ให้พระพุทธองค์..
....

.......แต่ก็เอาเถิด...พิจารณาวนเวียน...
......จึงมิได้ปักใจ..ว่าท่านประสงค์ร้าย..กลับคิดว่า.คงจะเป็นการถ่ายทอดให้วิชา...
คาถาดี...เป็นแน่...
....หรืออาจจะเกิด..แต่เหตุ...

...แต่อย่างไรก็ตาม...ถือเอาว่า...เป็นลาภของเรา..แล้วหนอที่รอดตาย...หรือ..
เป็นบุญของเกล้าฯ..
ยิ่งนัก...ที่สามารถ...พบเจอท่านพ่อมุจรินทร์....
เพราะตั้งแต่ได้ข่าวท่าน..จากหนังสือพุทธประวัติ..นักธรรมชั้นตรี..
ที่เกล้าฯ...เคยท่องบ่น...
ตั้งแต่...สมัยพุทธกาล.....โน้น..

ก็มิเคยได้ยินข่าว....ว่ามีผู้ใด...ได้เจอะเจอ...ท่านอีกเลย...
จนหน้าประวัติศาสตร์...ของท่านเลอะเลือน..
..
....เลือนหาย....อันตรธาน..
..
...หรือแม้..ท่านจะปรากฏ...มหาชนทั้งหลาย...ก็คงจะคิดว่า..
เป็นพ่อศรีสุทโธ..
สถานเดียว........
...
..แม้...แต่ตัว...ของเกล้าฯเอง....ก็ป่าวประกาศ...ไปตั้งแต่ปีมะแว้งแล้วว่า..
ภาพถ่าย...ที่วัดดานลานหินแตก...เป็นพ่อพญาศรีสุทโธ...
..
..แต่เมื่อพิจารณา....ตามจริง..
ภาพพญานาค...ที่วัดดานลานธรรมวิสุทธิมงคล...
มิใช่ภาพผู้ใดดอก...
เป็นภาพ...พ่อพญามุจลินท์



ความร้อนของพิษพญานาค..
ก็ร้อนไม่มากหรอก..
ก็แค่ตาถลน...เกือบออกนอกเบ้าตา...

เกล้าฯร้อง..ตาถลน..
เป็นภาษาบาลีว่า.......เอโก นาโถ  ปัตติยา
ก็ตกใจตื่น..
ผวากลางดึก...

..วรรค...


                 ที่มาของคำว่า..วัดดานลานหินแตก..(วัดลานธรรมวิสุทธิมงคล)
...
ต่อมามีเหตุ...ข่าวพญานาคศรีสุทโธ..ปรากฎที่บ้านหนองจันทร์...ชาวบ้านจึงพากันตั้งศาลพญานาค..ที่วัดโนนอุดมคงคา

ครั้งนั้น..แม่อุบาสิกาลำไย..และกินรีอุบาสิกา..จึงนำหมู่คณะ
มานิมนต์คูบาปภัสสโร..(เกล้าฯ.)...ไปทำมงคล..
...เพื่อให้เกิดมงคล....
...และแน่ใจว่าศาลที่ถูกสร้างเป็นมงคล...
จึงได้ร้องกล่าวคาถา..เอโก..นาโถ..ปัตติยา..วาจาสิทธิ์(สิทธิ์จากการรอดตาย...
อฐิษฐาน..ขอร้องให้พ่อพญามุจลินท์ไปบอกกล่าวเชิญ..พญานาคชาวคำชะโนด
ให้ไปรักษา..ดูแลวัด..ให้บังเกิด..อุดมมงคล..โชคลาภ

..ที่วัดโนนอุดมคงคา..บ้านหนองจันทร์  อ.ศิวิไล บึงกาฬ..นับตั้งแต่วันนั้น...โดยมีท่านเจ้าอาวาสของวัด..
ได้เมตตาจิต..มาเป็นประธานพิธี

             แม่ลำไยอุบาสิกา.และอุบาสก..อุบาสิกา..ชาวหนองจันทร์..


........
ศาลพ่อพญาศรีสุทโธ...ที่วัดโนนอุดมคงคา...สถานที่วัดแห่งนี้..ติดหนองจันทร์...ที่มีธรรมชาติ....เป็นหนองน้ำที่กว้างใหญ่..




..........กาลต่อมาทางวัดดานลานหินแตก..ท่านเจ้าอาวาส..พระอาจารย์สา..ท่านต้องการช่างมาแกะรากไม้ที่วัดดาน...กอปรกับพ่อมืด...เคยมาถวายงานศิลปะรากไม้อยู่ก่อนแล้ว...เกล้าฯจึงชักชวนพ่อมืด...มาช่วยแกะ..พ่อพญาศรีสุทโธ..
แต่เมื่อแกะไปแล้ว...
พ่อมืดท่านกังวลเรื่องลำตัว..และส่วนของคอ..ก็ได้มาปรึกษาพระปภัสสโร.(เกล้าฯ).
ก็บอกไม่ได้..

..แต่มีวันหนึ่ง...เกิดร้อนใจ
อยากสำรวจแนวทางน้ำไหล..ก็เลยได้เจอน้ำขังบ่อเล็กๆ...แม้จะเป็นหน้าแล้ง..แต่ก็มีน้ำขังอยู่เกล้าฯ.
.รู้สึกตื่นตา..กับภาพที่เห็น...ถึงขั้นอุทานในใจว่า..ฮ้วย!!...บ่แม้นแปวพญานาคบ้อ?.**(คำว่า"แปว"..เป็นภาษาอีสาน..หมายถึง..ทางออกฉุกเฉิน..หรือทางขึ้นใต้ดินอีกด้าน..)
ยืนพิจารณา..ว่าถ้าหากเป็นบ่อน้ำผุดจากดิน..เบื้องล่างเชื่อมโยงไปหาเมืองบาดาลได้..ท่านพญาศรีสุทโธนาคราช..ก็คงมาที่นี้ได้ซินะ..เห็นแปลกดี...จึงถ่ายภาพไว้ตามภาพที่1



ภาพที่1 สถานที่ถ่ายติดภาพ..ของพ่อมุจลินท์นาคราช


ภาพที่2..ถ่ายที่จุดเดิม..กับภาพที่1  .
ตามเดิมภาพนี้เกล้าฯ..เคยกล่าวโดยไม่พิจารณาให้ดี..ว่าเป็นภาพ..ท่านพ่อพญาศรีสุทโธ..แต่เมื่อแต่ภายหลัง..เมื่อพิจารณาโดยละเอียด...(วัดนิ้วดู).จึงมากล่าวตามสภาพจริง...
ว่าเป็นภาพของ..พ่อพญามุจลินท์..ผู้ที่เคยเดินขึ้นกุฎีมาสาดพิษใส่เกล้า.นั้นแหละมิใช่ผู้ใด.




ภาพที่3..ต่อเนื่องถัดจากภาพที่สอง..ทางน้ำที่เหือดแห้ง




ภาพ..สองเกลอ...กำลังช่วยกัน..ทาสีพญานาค..ที่ทำจากรากไม้....อยู่ห่างจากบ่อน้ำที่ถ่ายติดพญานาค..ประมาน 100 เมตร...รากไม้ที่แกะ...มีความแปลกตรงที่ส่วนใกล้หาง...แสดงอวัยวะเพศของ..งู.โดยธรรมชาติ...มิได้สร้างขึ้นใหม่...พ่อมืดจึงกล่าวว่า..เป็นรากไม้พญานาค..โดยธรรมชาติ...แต่ส่วนหัวแต่งเติม..นิดหน่อย..


พ่อมืดอุบาสกเสื้อน้ำเงิน..กำลังแกะสลักรากไม้..เพื่อสร้างองค์พระญาศรีสุทโธนาคราช..และเจ้าแม่นาคีโดยมีอุบาสกสองท่าน..
คือพ่อสมภาร(เสื้อขาว)..และ
คุณนรินทร์.(ชุดทหาร)เป็นลูกมือ.ช่วยกัน..
.


การถ่ายภาพติดพ่อพญานาคราชมุจลินท์.ซ่อนภพ..ครั้งนั้น...ทำให้..งานแกะสลักพญานาคของพ่อมืดสำเร็จลุล่วง..

....


สถานที่..วัดดานลานธรรม (วัดลานธรรมวิสุทธิมงคล). ต.นาสวรรค์..จ.บึงกาฬ.





ดวงไฟสีเขียวสว่างเป็นดวงไฟพญามุจลินทร์..และนาคบริวาร

..


..อีกด้าน..ของกุฎี..ในเวลากลางวัน


..
ด้านหลังกุฏีหลังนี้...จะมีทางน้ำไหล...และมีแอ่งน้ำที่เกล้าฯ..ถ่ายติดพญามุจลินท์



ที่ทำความเพียร..ของคูบาประภัสสโร
ด้านหลัง..ทางจงกรมจะเป็นป่ากั้นเขต.
มีคลองเล็กๆ..ที่เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก


ภาพระยะใกล้..ทางเดิน.หน้ากุฎีอีกด้าน


สภาพ..ลักษณะโดยรอบ...

แอ่งที่มีสภาพ..คลองน้ำที่เหือดหาย......คนส่วนใหญ่จะมองไม่เห็น..
เพราะเป็นแนวไผ่ป่า..กั้นเขตวัด...กับสวนยางพาราของชาวไร่..
....โดยส่วนตัวของเกล้าฯ.เมื่อ

ลักษณะ..บ่อน้ำทิพย์ที่ถ่ายติด....องค์พ่อพญามุจลินท์..ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ....แต่ในฤดูฝนจะมองเห็นเพียงร่องน้ำ...ไม่เห็นตามภาพ..ต้องรอหน้าแล้ง...น้ำลดจึงจะสังเกตได้


อสุราเสนานาค..เรียบเรียง


ลูกศิษย์วัดปราบผี...วิชาเด็ดใบไม้ของอาจารย์สถิตย์ พระแท่น

ตอนตีสี่.ณ ราวป่า...ใบไม้ร่วง
กระจุกดวง...ลอยเด่น..แลเห็นหน้า
จะสีใดไม่แน่ชัด...หรือ..งามตา.
จะเป็นฟ้า..หรือม่วงไม่แน่ใจ..

       เกรงจะผี..ว่าจะหรือ...คงจะใช่
.ล่องลอยไป..ในความมืด..แลเห็นหน้า
ไม่ใกล้..ไม่ไกล..ในระยะประชิด...ที่ดวงตา
.ขวัญผวา...สามเณรเสียงสั่น.....จิตเศร้าหมอง

ทั่ว.ทั้งวัด..เมื่อได้ฟัง.ยังแตกตื่น..
เกล้าฯจึงฝืน..กล่าววาจา...เพียงเราสอง
สามเณร.หลวงพี่.แค่นึกนึก.แค่ตรึกตรอง
ขอทดลอง...ไปทำพิธี..ไล่ผีคืนนี้ให้เณร...จะดีไหม

...เป็นเรื่องราว...ที่เกิดขึ้น..กลางป่าช้า..วัดป่าหนองนกเขียน...ครั้งนั้น...เกล้าฯ..พึ่งหัดไปเยี่ยม..ป่าช้าเป็นครั้งแรก..เป็นพระใหม่..บวชวัดบ้าน...เป็นพระบ้านๆ...แต่บวชเสร็จ..ก็จำอยู่วัดบ้านหนึ่งคืน..และขอไปอยู่วัดป่า..
...
ผีหลอกสามเณร....อายุ.16 ปี
..
..ฝ่ายพระใหม่ที่จะไปทำพิธี.ให้ก็ยังหวาดกลัว....แต่ด้วยจิตอาสา....ก็เลยกล่าวบอกสามเณร..ด้วยจิต..อันระทึก...
.ขอความเห็น...จากสามเณร....
.นึกว่า..สามเณร..จะตอบว่า..ไม่ไร..
..อ
..กลับบอกว่า.."ไปซอยเฮ็ดให้ผมแหน่"..(ไปช่วยทำพิธีขับไล่ให้หน่อย..เกรงผีจะขึ้นกุฏี)
...
......วรรค..พักไว้ก่อน

18 พ.ย. 2561

...ที่วัดแห่ง.นี้..ครั้งนั้น..มี..พระ 2 รูป.คือท่านเจ้าอาวาส.กับเกล้าฯ
พระใหม่..
สามเณร..4 รูป..เป็นสามเณรภาคฤดูร้อน..ตัวเล็กๆ.. 3 รูป..นอนรวมกันที่ศาลา(จำวัด)....
..ส่วนสามเณร..ที่เห็นผี..นี้..จะอยู่ในที่วิเวก..ติดป่าช้า..แค่ถนน...(ทุกที่คือป่าช้า)
...ส่วนท่านเจ้าอาวาส..ไม่กลัวผี..และถามสามเณรว่า ..เห็นจริงไหม.....
ซึ่งสามเณร..ยืนยันว่าจริง..

...คืนนั้น..พอทำวัตรเย็นเสร็จ..ฟ้าก็มืดเป็นคืนเดือนมืด...มีเพียงไฟฉาย..ส่องทาง..
ถึงกุฎีเณร...ก็เกือบ..
....2 ทุ่ม...
กุฎีสามเณร..ด้านข้าง.และรอบด้าน..เป็นต้นชาด(พลวง)...เป็นป่าชาด..ที่
เต็มไปด้วยกอหญ้า...มีใบต้นชาดที่ร่วงหล่น..เวลาเดินต้องเหยียบใบไม้ที่แห้งกรอบ...เสียงดัง..เป็นระยะ
....มองดูกุฎีสามเณร..ค่อนข้าง..เป็นสถานที่วังเวง..
จึงมิรอช้า.....

.รีบทำความสวัสดี..มงคลชัย..
คือกล่าวให้กำลังใจ..น้องสามเณร..ท่านนั้น
...เป็น..พระสูตร..
กรณียเมตตาสูตร..เป็นบทหลัก..
ธรรมจักรกัปวัตนสูตร..
คือบทเสริม...คือใช้..ธรรมานุภาพ..เพื่อแผ่เมตตา..
..บทนี้...ก่อนจะทำมงคลใดๆ..ไล่ผีไล่สางตามหนังสือประวัติของ..หลวงพ่ออุตตมะ
แห่งวัดวังก์วิเวการาม  อ.สังขละบุรีจ.กาญจนบุรี...ท่านจะใช้เป็นบทหลัก......
ก่อนกล่าวบทอื่น..
ท่านกล่าวว่า...ใช้ธรรมานุภาพ...ท่านกล่าวว่า..ใช้ธรรมจักฯ..
ไล่ผีเท่านั้น...
..
ด้วยเหตุนี้..
ถัดนั้นจึงใช้..บท..
อิมัสมิงมงคลจักวาล..ทั้งแปดทิศ..(กำแพงมนต์)..หรือ.
คาถามงคลจักรวาลทั้ง8 ทิศ
เป็นบทกัน....จะกัน..เป็นกำแพงแก้วกั้น..กว้างคืบ..ยาววา..ก็ทำจิต..กำหนด..โลเคชั่น.สถานที่ไว้....แต่พอประมาณ..

คือ..ผีท่านอยู่ในป่าช้า..
ถ้าเรา..ไปไล่ท่าน...ก็มิควรอีก..เพราะมีตั้งหลาย...วิญญาณ....
ผีเขาอยู่กันมา..นาน
ตั้งแต่ดาว..พระเสาร์ยังไม่มีวงแหวนล้อมรอบ..หรือไรเราก็มิทราบได้...เราพึ่งเกิดใหม่..จะมาไล่ท่าน..จะควรหรือ..
..
หลังจากกล่าว..พาหุง.มหากา...กล่าวชยันโต...ให้สามเณร..รื่นเริงใจ....
ไม่รู้ว่ากินเวลาเท่าใด..
เกล้าฯ..คูบาบวชใหม่...ครั้งนั้น(พึ่งบวชมาได้ประมาณ..5 วันนี้แหละ)
กลัว...ก็กลัว..
..กลัวจะดึก...
เกรงจะไม่ปลอดภัย.....
...
..จะจากมาโดยทันที..ก็หวั่นสามเณร..จะยังตื่นกลัว..
จึงบอกกับน้องเณรว่า..."เณร...เณร..ไม่ต้องกลัว..ไม่มีอะไรหรอก"
ว่าแล้ว..
จึงรีบเผ่น..จากสามเณร...เพราะทางไปกุฎิของตัวเอง..
มันน่ากลัวที่สุด....ว่าแล้วก็
ส่องไฟฉายเดินอย่างเร่งรีบ..เข้าป่าช้าที่มืดมิด...ที่มีต้นไม้สูงใหญ่ไม่ใหญ่สลับกันไป...เป็นป่ารกทึบ...ก็ไม่สนใจ
สนใจแต่..กาย..
สักพัก..มาถึงต้นไม้ใหญ่..ที่เก็บซากโลงผีเก่า....ผ่านที่เผาผี.
(สำหรับวางเชิงตะกอน..ในอดีต..ขณะนั้น.กำลัง.สร้างเมรุใหม่...ยังไม่แล้วเสร็จ.ดี)
ก็ไม่ได้..สนใจ...สนใจ..แต่ความนุ่ม..อ่อน.ตึงแข็ง..ของพื้นผิวที่เหยียบย่าง..
...
.
และผีตายโหง 2  ศพ..ที่เก็บไว้..อยู่ข้างทาง..ก็ไม่กล้ามอง...มองแค่..ระยะแสงไฟตกกระทบพื้น..
รู้สึก..เสียวสันหลัง..วาบ.วาบ..ตาม
.อนุสัยกิเลส....ที่คอย..กระซิบบอกว่า..กลัว
แต่ที่ไปทำพิธี..ให้สามเณร...
เพราะ..ต้องการเป็น..ที่พึ่งให้สามเณร..เท่านั้น..ขอรับ
..
ชั่วระยะเคี้ยวหมากแหลก..ก็ถึง..กุฎีตัวเอง..ที่อยู่ในป่า.จะเป็นป่า.เบญจพรรณ.หรือ..ป่าเต็งรัง..หรือป่าละเมาะก็ไม่ใช่..
ไม่แน่ใจ.เพราะป่านี้มีไม้หลากชนิด....สรุปว่า.
..เป็นป่าประดู่..เพราะเกิดขึ้นเยอะที่สุด..โดยรอบกุฎี.ใน
ป่าช้า..
ขอรับ

.
.การทำจิต..ให้สนใจแต่กายเวลา..ยก..ย่าง..เหยียบ..
.เขาเรียกเป็น..ปัฏฐาน..หมายถึงที่ตั้ง...พอ..ไปทำความรู้สึก..
หนัก..เบา..นุ่ม..เขาเรียกว่า..มี..สติ..หมายถึง..การระลึกได้..
เมื่อทำครบ..ทั้งส่วน..สอง..เรียกว่า...สติปัฏฐาน.หมายถึง.ที่ตั้งของการระลึกได้อย่างมีสติ..อาทิ.กายานุปัสนา..
คือพิจารณา..อยู่ในกาย.
ถ้าทำบ่อย..ก็เป็นมหาสติปัฏฐาน..ขอรับ
...
.....หลังทำพิธี...
ไม่ปรากฎว่า..มีผีหลอก..ท่านสามเณร..อีกเลย..
คาถาจะเข้มขลัง..ขนาดนั้น..เลยหรือ..
ผีถึงไม่กล้า..มารบกวน..
..แต่ถ้า..คาถาไม่ขลัง...
ก็คง..จะเป็นเพราะ..คำกล่าว...
หลังจาก..ทำพิธีเสร็จ..นั้นแหละ...ขอรับ..
ที่กล่าว.ในใจว่า..
..
"...ผูข้า..คูบาใหม่..ขอร้อง..ภูติผี..อย่ามาหลอกสามเณร..เด้อ!
..คันซูมเจ้า..พวกท่าน..มาหลอก.สามเณร.อีก..
มันซิทำ..ให้ผูข้า..ที่มาทำพิธี..เสียหน้า.."...
..
"อย่าให้คูบาใหม่..เสียหน้าเด้อ"
"ผูข้า..เป็นลูกของพ่อแม่ผีที่อยู่ป้าช้านี้..ตั้งแต่นับภพ.นับชาติบ่ได้..
คันลูกมาทำพิธีแล้ว..กะอย่าให้อับอายภายหลัง..เด้อ"
..
..
..สรุปว่า..ใช้ทั้งคาถา..และ..คำกล่าวขอร้อง....ขอรับ


คุณธรรม..ของท่านเจ้าอาวาส.ครูบาบัญฑิต.(ทุกวันนี้ท่านเป็นพระครู.ท่านเป็นพระที่มีความนอบน้อม....
...และเป็นหนึ่งใน..พระผู้อุปปัฏฐาก..หลวงพ่อทองพูล  สิริกาโม  (ลูกศิษย์  หลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต)..ท่านเคยปิดวัด.พาพระเณรไปรับใช้..หลวงพ่อทองพูล  รวมทั้งเกล้าฯด้วย
    
ท่านเคยเดินทางไปกัมมัฏฐานหลายที่...อาทิทาง..ถ้ำผาปู่...
     ท่านเป็นให้ข้อกัมมัฏฐาน..กับเกล้าฯในข้อที่ว่า..ให้รักษาสติ..เวลาไปอยู่ในสถานที่ที่น่ากลัว..
...และให้กัมมัฏฐานแก่..สามเณร..ที่กลัวผีทั้งหลาย...โดยพา เณร ไปนั่งกัมมัฏฐาน ในที่เขาฝังศพ..ในตอนกลางคืน..ในป่าช้า

ตีลังกา..ม้วนหน้าหลัง..ท่าเบสิค
แล้วก็."คิก".เตะต่อย..ค่อยเข้าท่า..
ต่อจากนั้น...ก็ฝึกหนัก...หลาย..เวลา
สืบสานท่า..วิทยายุทธ...วัดเส้าหลิน..

       ตามธรรมดา..ผี(ที่มีศีล)จะไม่หลอกคนโดยง่าย.....แต่ถ้าหลอก..ก็แสดงว่ามีเหตุ...แห่งสามเณร..ซึ่งเกล้าฯ..ก็มิทราบความเป็นไป..ของท่าน..
          ..แต่ความเป็นไปของตัวเอง..เมื่อครั้งบวชเป็นสามเณร.
.(อายุ 13-15)..เกล้าฯ..ก็ไม่สำรวม..ตอนฟ้ามืด...ทุกวันก่อนจะอาบน้ำ..
..จากสามเณรนิกายไทย...จะแปลงร่าง..เป็นสามเณร..วัดเส้าหลิน..
แบบนิกายจีน...(แต่ทำในที่ลับตานะ)
ซึ่งทางจีน.ท่านพระโพธิธรรมปรมาจารย์ตั๊กม้อ...สอนให้ฝึกเพื่อ..ความแข็งแร็ง..เพื่อป้องกันสัตว์..ในป่า...และการออกกำลังกาย..คือการฝึกสมาธิ..
แต่ถ้า..เมืองไทย..คือโลกวัชชะ...ชาวโลกติเตียน..
ไม่เหมาะสม..ไม่สำรวม..
........ด้วยเหตุนี้..วัยของสามเณร..ย่อมมีความคะนองทางกาย....
..แต่


...วรรค...."ผมไม่ได้เล่นนำคะเจ้า"ครับ.....คำนี้ใช้ร้องบอก.ท่าน.เจ้าอาวาสที่มาจากทางกรุงเทพฯ...เข้าใจ...ให้ยั้งมือ..

หมายถึง...ผมไม่ได้เล่นกับท่านสามเณร...ทั้งหลาย...
คำนี้...
.เกล้าฯเคยร้อง...ตอนวิ่ง...ไปหลบ..ที่ใต้เสากุฎีในความมืด...แต่ก็ยังไม่พ้น..สายตาท่านเจ้าอาวาส.....ที่หวดกระหน่ำลงด้วย....แส้.(เหล็กแทงปลาไหลของชาวบ้าน)...ไม่รู้ว่าท่านไปหามาจากที่ไหน...

.."ท่านฟาดกระหน่ำลง...ที่ก้น...ด้วยความเมตตา....สอง..ตุบ!!
...จนเป็นเหตุ....ให้สำรวมในเพศ..ในนิกายของตัวเอง..นับแต่บัดนั้น..
..คือวัดที่เกล้าฯไปเป็นเณร...ท่านเจ้าอาวาสดุ...ขนาดจะเดินภายในวัด....จะต้องห่มจีวรเฉลียงไหล่..ให้สำรวมเรียบร้อย..เวลาคุยกับท่านห้ามสบตา..ใครจะมาเป็นเณรของท่าน..จะต้องหัดกราบ..ให้เป๊ะ
ท่องสามเณรสิกขา...และเสขิยวัตร-75-มารยาทผู้ดี.ให้ชำนาญ..ท่านถึงจะรับไว้ให้อยู่ในอาวาส...

......แต่ตามธรรมดา..เกล้าฯก็เคยเป็นสามเณร..ที่แอบท่านเจ้าอาวาส..หยอกล้อเตะต่อยกัน..แบบศิลปะมวยไทย..
..มวยไทย...
..

....ที่กล่าวว่า..ศิลปะวัดเส้าหลินนั้น..เขียนให้เทียบนิกาย...ว่าสามเณรไทยก็อยากออกกำลังกายเหมือนกัน...
..จึงได้แต่หลบ..กันทำในที่มืดๆ...รอบบ่อน้ำ.(ไม่มีปะปาใช้)
.......
.....แต่วัน..เกิดเหตุ..โดนเหล็กแทงปลาไหลหวดก้น...
นั้น...เป็นเรื่อง..ตกกระไดพลอยกระโจน..เฉยๆ...
..คือ..ไปยืนดูเฉยๆ...
ไม่ได้เล่น.....แต่ท่านเจ้าอาวาส..เข้าใจผิด..คิดว่าเล่น...
..ก็เลย..ร้องบอกท่านว่า..
..
ผมไม่ได้เล่น..นำคะเจ้า....(คำว่า "คะเจ้า"ภาษาเหนือคือตัวเอง...แต่ภาษาอีสาน..หมายถึงผู้อื่น..อาทิ คะเจ้าเป็นสาวเชียงใหม่...แปลว่า ฉันเป็นสาวเชียงใหม่)


...เรื่องความกลัวที่มีต่อท่าน...
ขนาดท่านไอ...อยู่ที่ไกลๆ...ยังต้องวิ่งหลบ...
..ท่านเป็นเจ้าอาวาสผู้เคร่งครัด...ในพระธรรมวินัย..มาจากวัดมหาธาตุฯกรุงเทพฯ...
..วัดแห่งนี้..มีพระและเณร..ที่มาศึกษาหาความรู้..เกือบ 30.รูป..
แต่ถ้าท่านผู้ใดย่างกรายผ่านเข้ามา..จะมีสภาพเหมือนวัดร้าง...
ร้างพระเณร...คือมันเงียบ..ด้วยเหตุแต่ละท่าน.หลบอยู่ในกุฎี.ของตัวเอง.....
..แม้จะมีกฎเหล็กมากมาย..ให้พระเณร..อยู่ในกรงธรรม..อันเป็นผอบแก้ว..คือธรรมที่มาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า...ก็ยังมีสามเณรรุ่นพี่..แอบเอาเครื่องเสียงมาเปิดฟัง....เพลง..ซึ่งเป็นการ..ผิดศีล..ข้อที่ 7..ของสามเณร..คือห้ามฟังเสียงที่เพลิดเพลินใจ..อันเป็นข้าศึกต่อกุศล....
...และ..เกล้าฯเอง..ก็มาพักกับสามเณรรูปนี้..ก็เลยต้องผิดร่วม..นอกจากจะผิดศีลแล้ว...เกล้าฯ...เอง.เมื่อได้ฟังเพลง..หมอลำ..ที่ไพเราะ..จับใจ..ก็อยากให้ท่านเจ้า..
อาวาส....ได้ยิน..ได้ฟังร่วม....

...วรรค.....มีวันหนึ่ง..เผลอลืมตัว...ด้วยความ..ปรารถนาดี..ต่อท่านเจ้าอาวาส..
จึงเร่งโวลลูมท์..หมอลำ..สุดMax.(ปกติจะฟังเบาๆ)...แล้วหันลำโพง..ไปที่ไม่ไกล..จากท่านเจ้าอาวาส..นั่งอยู่...
ด้วยเหตุ...คิดไปเองว่า...เมื่อเจ้าอาวาสได้ฟัง..ก็คงจะชื่นชอบด้วย
..สักพัก....
..พระ...ที่อยู่กุฎีเดียวกัน...มีภาวะความเครียด...เพราะถูกท่านเจ้าอาวาส..เรียกสอบสวน..
...ซึ่งบทลงโทษ..ของวัดนี้...เคยมีหลายเคส..ที่ท่านเจ้าอาวาส..อัปเปหิ..คือไล่ออกจากวัด.(.เนื่องจากไม่สำรวมในสมณะเพศ)
...เมื่อหลวงพี่มีใช่คนทำผิดใครหละคือผู้ก่อเหตุ...ท่านหลวงพี่ท่านนั้น...จึง.มาเรียกเกล้าฯ...ไปพบท่านเจ้าอาวาส
........
.....ครั้งนั้นแหละ...ที่เกล้าฯ..อยากสลายร่าง..แทรกลงปฐพี.มุดเผ่น!!!หนี...ด้วยความกลัว


...วันที่ 28 พ.ย. 2561
..
......เป็นเด็กวัด...แต่..อาจหาญ..ไปปราบผี..ให้พระ...
...
ท่าน..หลวงพี่..เล่าว่า..

..ผี..ปู่เวส..ฤทธิ์เดชกล้า..มาเขย่า..
..กุฎีเรา..เอามือลูบ...ฝาด้าน..ข้าง
...สุดระทึก.แผ่นไม้กั้น...อัน..บางบาง
...จนฟ้าสาง...ไม่ได้นอน...ตลอด..คืน..
..
..เกล้าฯ...ได้ฟังยัง...ผวา!!!.อาสา..ด้วย
..แม้นไม่ช่วย...ใครจะม้วย..ยามดึกดื่น.
..พระอยู่บน.....เราอยู่ล่าง...สุดกล้ำกลืน..
..จึงกล่าวฝืน..เป็นวาจา...ท้าความตาย..

....ในนาที..ที่ได้ฟัง..จากท่านหลวงพี่...ว่ามันเกิด
แต่อาถรรย์...จึงสำเนียกว่า...
เราอยู่ด้านล่าง..ของกุฎี

คืนนี้...
ถ้าผีจะมา..ก็ต้องมาหาเราก่อน...แน่ๆ...
คิดแล้ว...จึงได้แต่...หวาดกลัว..


.....ณ..วัดแห่งหนึ่ง...ที่มีท่านเจ้าอาวาส..ที่เคร่งครัด..ในพระธรรมวินัย.มาก.ที่สุด..ในจักรวาล...แต่ท่านเจ้าอาวาส..มิได้เคร่งครัด
แต่ผู้เดียว...ยังให้ภิกษุและสามเณร..แบกรับภาระอันนี้ด้วย..
.......
       เกล้าฯเอง..เมื่อสึกจากสามเณร.มาเรียนในทางโลก..ก็ได้มาอุปปัฏฐาก..ท่านเจ้าอาวาส..อย่างใกล้ชิด....
       ...แต่อยู่ร่วมกุฎี...ที่มีเรื่องราวอาถรรย์
    กุฎีที่เกิดเหตุ...มี 2 ชั้น.
ชั้นบน...มีพระเณร..แยกห้องกันอยู่
ชั้นล่าง..มีเกล้าฯคนเดียว.....
..เป็นกุฎีไม้ชั้นล่างเป็น..ปูน..
......เหตุจาก....มีวันหนึ่ง...ขณะดึกสงัด...เกล้าฯกำลังนั่งอ่านตำหรับตำรา...ด้วยความวังเวง..พลันได้ยินฝีเท้าเดินหนักๆ..
ที่ห้องสามเณร...
..เดินย้ำคิด...ย้ำทำ...เดินๆ..หยุดๆ..จนไม้ลั่นออดแอด...
..เกล้าฯก็..เอะใจ..
แต่มิกล่าวอันใด...เนื่องด้วยเป็นยามวิกาล....
..
ตอน..เช้ารุ่งสาง....ก็เลย..ถามหลวงพี่...
..
..".เมื่อคืน...สามเณร..ท่านเดินอะไรหลวงพี่..เดินทั้งคืน"

ฝ่ายหลวงพี่..กล่าว
.."สามเณร...มีที่ไหนกัน...สามเณร..ได้กลับไปเยี่ยมบ้าน 2 วันแล้ว"
..
...ผีศาลปู่เวส...มาเล่นงาน..หลวงพี่เอง....หลวงพี่เกือบตาย...ดีนะที่หลวงพี่....มีผ้าเหลือง...ถ้าไม่มีผ้าเหลือง...หลวงพี่คิดว่า..
 "เขาคงเล่น...หลวงพี่ตายแน่"
..แล้วท่าน...ก็เล่า...เรื่องที่ท่าน..ไม่สำรวม...คือแกล้ง..ขว้างก่อนหิน..ใส่แมว..ที่ข้างศาลปู่เวส..ในคืนวันหนึ่ง....
..
และเล่าเรื่อง...ผีปู่เวส..เล่นงาน...จนเกล้าฯหลอนสุดขีด..
จนอยาก..จะเต้นกอดหลวงพี่...ด้วยความกลัว
..
แต่...ถ้าจะแสดงความขี้ขลาด...เช่นนั้น..ก็มิใช่วิสัยเช่นเกล้าฯ..
..
จึงกล่าว...ขอพึ่งไปพึ่งบารมี..หลวงพี่..ด้วยวาที..อันอาจหาญ..ว่า
.."หลวงพี่ครับ...เรื่องผี..ไม่ต้องกลัว..ครับ"
เดี่ยวผม...จะไปช่วยจัดการให้คืนนี้.....
หลวงพี่ไม่ต้องกลัว...

ว่าแล้ว...หลวงพี่จึงพาไปดู..สภาพห้อง..ของท่าน...
จะไม่เชื่อท่าน...ก็ไม่ได้...
เพราะในห้องของท่าน....
มีทั้งกระดาษ....และหมอน....ยัดอุดรู...ทุกซอกทุกมุม...



..วรรค..พักไว้ก่อน.
..ไปดูห้องสามเณร..ที่ตรงกับห้องเกล้าฯ..ด้านล่าง...ปรากฎว่า..
..มีกุญแจล๊อค..ตายด้านนอก..
..
..แสดงว่า..เรื่องหลวงพี่ผู้รูปงามเล่า...สอดคล้อง...กับที่ตัวเกล้าฯ...ได้ยินเสียง..หนักๆ...เหยียบย้ำ...เหนือศีรษะ..เมื่อคืน..
...
เดิมทีที่เชื่อ..100 ได้ขยับมา..ล้าน..
..
แต่ก็ใจชื่นอยู่ว่า..หนึ่งคนหัวหาย...สองคนเพื่อนตาย..
.
เมื่อดวงตะวันได้เดินทางอย่าง..รวบลัด..ก็มืดพอดี..
.
ณ...ห้อง..สี่เหลี่ยม..หมอผีจำแลง..แฝงมาเป็นหมอผี...ด้วยความจำเป็น
เพราะเหตุ...
แห่งความกลัวผี...ครั้นจะบอกหลวงพี่ว่าตนเองกลัวผี...ก็เกรงหลวงพี่นำไปเล่าต่อ..
ในที่อื่น...ว่าเรา..เป็นคน.."ขี้กลัว"
...
..และแล้ว...พิธีขับไล่ภูติผี...จึง...อุบัติขึ้น...ด้วยความหวาดหวั่น..ขวัญผวา..เป็นสุด...คือเริ่มพิธี..
ตั้งแต่...ความมืดได้โรยตัว..เข้ามา..
..
ที่วัดแห่งนี้..ตอนนั้น..ค่อนข้างเงียบ...เนื่องเป็นฤดูปิดภาคฤดูร้อน..ของสามเณร..จึงพากันกลับภูมิลำเนาเสียส่วนใหญ่......
 
          กระถางธูปอันใหญ่..ได้ถูกวางไว้กลางห้อง..
..
ทีแรก..เกล้าฯ..ก็คิดว่า..หลวงพี่..คงจะมีส่วนช่วย..ให้เกล้าฯ..
หายหวาดกลัว..ไม่มากก็น้อย...ด้วยเหตุ
ท่านเคยผ่าน..ประสบการณ์..อันเลวร้าย..มาหนึ่งคืน..ย่อมมีวิธีแก้..
..
แต่กลับ..เป็นเหตุการณ์..ตรงกันข้าม...หลวงพี่กับเป็นฝ่าย..คิดว่า..ตัวเองได้ที่พึ่ง...แล้ว
โดย..ขณะ.
ที่เกล้าฯ..
ได้เริ่มพิธีจุดธุป..กำใหญ่..
หลวงพี่ท่าน...ได้ล้มตัวลงนอน...ด้วยความง่วงและเอ่ยว่า....
..
หลวงพี่นอนละเด้อ....
..
เมื่อหลวงพี่คิดเป็น..จริงเป็นจัง...ว่าเกล้าฯ..เป็นหมอผี...และเก่งเรื่องปราบผี...โดยไม่ไถ่ถาม...หมอผีสักคำเดียว..ว่ามีสถิติ...การปราบผีไหม...
..
เกล้าฯ..ก็เลย..ตอบหลวงพี่ว่า...."ตามสบายครับ..ขะหน่อย.นอนตามสบายเลย.เดี่ยวผมสิจัดการเอง"
..
ที่เอ่ยไป...ก็ไม่รู้ตัวเอง..ว่าจะจัดการได้...หรือไม่ได้..หรอกขอรับ..
..เขาเรียกว่า..เป็นหมอผี..
ด้วยเหตุบังเอิญ...ก็ไม่ใช่...น่าจะเป็นเพราะ..ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว...
มาหาพระ..เพื่อให้พระเป็น..ที่พึ่งมาก.กว่า..
..
ตำราว่าด้วย..มนต์พิธี..มีคุณ.อัน.เอนก..
จะกล่าวเสก..สิ่งใด...ใด..ไม่ติดขัด
จะท่องบ่น..ว่าด้วยมนต์..สารพัด.
หรือขจัด...ภูติผี...ก็มีกล่าว..
.
เอสาหังภันเต...ใช้ท่องบ่น.คราวคน.บวช..
อย่าไปสวด.ไล่ผี..เดี่ยวงานเข้า..
กระซิบกระซาบ..จะปราบผี.เอ่ยเบาเบา..
ก็สวดเอา..ทุกคาถา..ที่ว่าดี
..
..นั้นแหละ..ขอรับ..
หมอผีมือใหม่...หัดทำ..ด้วยจำใจ..
..แต่ก็พอทราบบ้าง..อาทิ.
กะระณียเมตตาสูตร..สวดเพื่อกระทำความเมตตาต่อ..เหล่าภูติ.เทวดา
ระตะนะสูตร..ขจัดสิ่งอัปมงคล...ในเมื่อครั้ง.พระพุทธเจ้าให้.พระอานนท์..ไปสวดแก้โรคห่า..คนตายเกือบทั้งเมือง..ที่เมืองเวสาลี..

อาฏานาฏิยะปริตร...นี้เกิดแต่ท่าน..เท้าเวสสุวรรณผูกมนต์..ถวายพระสุคตเจ้า..เพื่อให้พระนำไปสวดกันยักษ์หรืออมนุษย์..ทำโทษเวลาไปอยู่ป่า.
(เนื่อหาคือกล่าวคำนอบน้อม..ต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ในแต่ละภัทรกัปป์ว่ามีคุณเช่นใด)

..แต่แม้..แต่ละบทจะแยก..คุณต่างๆ...มีประโยชน์ต่างกัน..
แต่เกล้าฯ..ก็กลัว...จะไม่ได้ผล..ตามสรรพคุณ..ที่ติดฉลากโฆษณา...ในหนังสือ...จึงท่องเกือบทุกอย่าง...ที่มีผู้เคยพรรณาว่า..เลิศ..
..
..พอท่อง...ไปสักพัก...หลวงพี่ก็หลับ...โก๊นคร๊อกๆ....ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัว...ให้กับมินิหมอผี..ยิ่งนัก..
ตอนนั้นเกล้าฯ..ก็ยังเด็กอยู่.(ตอนนั้นน่าจะเรียน.อยู่ ป.ว.ช. ที่โปลีฯ.ปีสุดท้าย..หรือไม่.ก็ ป.ว.ส ที่.วิทยาลัยเทคนิคอุบลฯปีแรก)

รู้สึกไร้ที่พึ่ง.....จะพึ่งหลวงพี่หลวงพี่ก็หลับ...
..
และแล้ว...ก็มีเหตุ..แปลกประหลาด..เหมือนหลวงพี่กล่าว...
..คือ..
ผี..
เอามือ...มาลูบ..ฝาผนัง..กุฎี...
เสียงดัง..
...ปัปปัปปัป.....ปัปปัปปัป...ปัปปัปปัป...

เป็นจังหวะ...
...
ทุกครั้งที่มีเสียง..เกล้าฯ..ก็เร่งเสียงสวด...

วรรค...ฟ้าได้มืด..ตะวันตกดิน..ขอพักไว้ก่อน...เพื่อให้เกียรติผู้อยู่ในภพแห่งวิญญาณ...คือกลางค่ำกลางคืน..คนโบราณเขามิให้เล่าเรื่องผีเรื่องสาง..ขอรับ

...1 ธันวาคม 2561...เวลา..ไก่ขัน..

.การเล่าเรื่องผี..ตอนกลางคืน..บางท่านก็ไม่ถือ...แต่สำหรับเกล้าฯ..ไม่ชอบเล่า..หรือบางครั้ง..จำเป็นที่จะกล่าว..
ก็จะ..กล่าวคำธรณีสาร..บอกเทพยดา..จึงจะถูกธรรมเนียม
แต่โบราณกาล.....ขอรับ
....เล่าต่อ..
...ตอนเริ่มสวดมนต์...ก็ไม่มีเสียง....แต่พอสวดไป..ได้หลายบทเกิดมีเสียง....ที่ฝาผนังห้องด้านหลัง.....
.คนก็ยิ่งกลัวอยู่แล้ว.....
..การที่มีเสียง..ด้านหลัง..คือ.ผีเอามือมาลูบกุฎี
..อย่างไม่เกรงกลัว..ในคาถาอาคม..ที่กำลังสาธยาย....
..ก็แสดงว่า..ท่านผีผู้นี้มี..ฤทธิ์เดชแก่กล้ายิ่งนัก.....
...
ด้วยความตกใจ...จึงสวดมนต์ด้วยเสียงอันดังราวกับเสียงอะไรดี...แต่ท่านหลวงพี่ก็ไม่ยอมตื่น....หลับลึก..ครั่นจะปลุกก็เกรงใจพระ..
......คืนนั้น....เกิดเหตุ..อยู่ 2 อย่าง..คือ..ประตูด้านหน้ากุฎี....
มีเสียง...มือใหญ่..มาดึงเป็นระยะตลอด..
ทั้งคืน...
กึกกัก.กึกกัก..กึกกัก.....สักพักเงียบ....
พอเงียบเสียง..ไปสักพัก...
..
ก็เอาอีกแล้ว....กึกกัก..ปัก.ปักปัก...
...
มันเป็นคืน..ที่สะแกรี่(scary)น่ากลัวมากๆ.....
.
...เมื่อกลัวมากๆ...ก็เลยเกิดอยากพิสูจน์เจ้าของมือใหญ่ๆ
ว่าจะใหญ่ขนาดไหน..จึงหันขวับ..ไปด้านหลัง
.
คุณพระช่วย...อยากจะร้องเป็นภาษาฮินดู..หรือภาษาจีนก็ได้ร้องง่ายหน่อย..คือไอ้ย่ะ!!!
...
เจ้าของเสียง...ที่เป็นเสียง..ปัปปัปปัป...เป็นจังหวะ..
ที่คอยหลอกหลอน...ให้ขวัญผวา..
เป็นเพียง...
..พัดลมตั้งโต๊ะ...ที่ส่ายไปโดน..ปฏิทินผนังห้อง....
และทุกครั้ง...ที่มีลมมาปะทะ....หน้าของปฏิทินจะเปิด..ขึ้นหลายๆหน้า.....
.......จึงเกิดแรงปะทะ..และเสียงตามมา...
...แต่เอ๋..พัดลมเปิดตั้งนาน..ทำไมหน้ามันเงยขึ้น..ไปสู่ผนัง..
ก็ด้วยเหตุพัดลมมันเก่าศูนย์ที่คอมันไม่ดี..
พอเปิดนานๆ..มันเลยเสียศูนย์...
.จึงจัดการ..
หันหน้าพัดลม..ไปที่อื่น....ก็ไม่มีเสียงอะไร..
รู้สึกขำๆ...แต่ก็ยังกลัวผีจริงๆ..อยู่
แต่ไม่รู้ว่า..ดึกเท่าไหร่..
คือมันรู้สึกง่วง..
ก็มีเสียงดังที่ประตูห้องด้านนอก...ดังมาเป็นระยะ...ไม่รู้ว่า
เป็นเสียงอะไร...
แต่ไม่กล้า..ไปเปิดห้องพิสูจน์...
คืนนั้น...จึงเผลอหลับไปด้วย..
ความง่วง.....ขอรับ
..

3 มกราคม 2562

ประสบการณ์...อาถรรย์..ผีปอบ...
ตอนฝึก.....
ยุวธุดงค์.....
.......
.....อันตัวของเกล้ากระผมเกิดในครอบครัวอันจนยาก..ครั้งเมื่อเรียนจบ ป.6  ก็มิคิดเรียนต่อ..ด้วยเหตุสงสารคุณพ่อคุณแม่...ที่ท่านขัดสนเงินทอง..แม้ท่านจะมิกล่าว...แต่เกล้าฯ..ก็มองภาพรวมของ..ครอบครัว..ว่ามีสภาพเช่นไร....ด้วยเหตุนี้..จึงรู้สึกเบื่อหน่าย...ในภพชาติ...จึงขอคุณพ่อคุณแม่....ออกบวช...ตั้งแต่ปีที่เรียนจบ........
            ครั้งนั้น...คิดจะบวชตลอดชีวิต.....จึงมาบวชที่จังหวัดบึงกาฬ...คือเรียนจบยังไม่ครบ..เดือน..ก็บวชเลย...
...บวชที่วัดใต้..
..มาอยู่ที่วัดกลาง...
..ตอนเป็นสามเณร...เกล้าฯสำเร็จ..คุณธรรม..หลายข้อ..
..แต่ข้อ..ที่ภูมิใจที่สุด..คือ..ไม่กินอาหารในยาม..วิกาล
..แม้หิว..จนเอามือกุมท้อง...ด้วยความ..ทรมาน..ก็ไม่กิน
..นม..โอวัลติล...ไม่ค่อยมีฉัน..
...
สาเหตุ..ที่อดได้...เพราะคุณแม่..ได้สั่งไว้...ว่า"ลูกเอ้ย..เราบวชแล้ว..เราอย่าไปกินข้าว..ตอนเย็นนะลูก..มันจะบาป..เกิดเป็นวัวเป็นควาย..ให้เขาไถนา"...
...
.......เกล้าฯ..จะไม่ทำ..อันใดที่แม่ห้าม..เกรงกลัวบาป..จะมาถึงตัวเหมือนอย่างที่แม่พูด...
.....แต่...โชคชะตาก็ไม่โหดร้าย..เสียทีเดียว..เมื่อมีตำรวจ..ผู้หนึ่ง..มาพบเข้า...และนำไปฝาก..กับท่านเจ้าอาวาส..วัดศรีประดู่..ที่อุบลฯ..ให้เรียน..ม.ต้น..ที่วัดทุ่งศรีเมือง..

......วรรค....ที่ว่าตำรวจมาพบ..นั้น..กาลก่อนเมื่อเยาว์วัยท่านเป็น..สามเณรเดชฤทธิ์   แสงจันทร์ศรี....หรือร.ต.อ.เดชฤทธิ์ แสงจันทร์ศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.ไทรน้อย.จะเรียกว่า..ท่านเป็นผู้แนะนำ
ให้เข้าสู่วงการ(การศึกษา)..ก็ว่าได้..ขอรับ
.....
....ขอรวบรัดตัดขบวน....เผลอไปนิดหน่อย...เขียนวกวน...

.....สาธุๆ...หลังจากอาราธนาศีล..เชิญเทวดา...กล่าวคำธรณีสาร...
ก็ยกมือขึ้นหัว..
ขออนุญาต..จอมมาร..ผู้อยู่ต่างภพภูมิ..บอกเล่าเรื่องราว..แต่หนหลัง..เมื่อครั้ง...เป็นลูกศิษย์วัด...ศรีประดู่ทรงธรรม..ผู้มีมารยาทเรียบร้อย...ด้วยเหตุ...ท่านพระอาจารย์เจ้าอาวาสท่านดุเหมือนพยัคฆ์....
...
จึงต้องเรียบร้อย..ด้วยเหตุจำเป็น....

ทางชีวิต..ขีดขั่น..ดุจบันใด
เดินดุ่มไป..ทุกก้าวย่าง...ช่างฉงน
อาจขึ้นสูง..ลอยฟ้า..กว่าทุกคน..
หรือร่วงหล่น..ลงล่าง..หมดทางเดิน

...จำมาจากตำราเรียน...ตอนประถม..
..
..เขียนใหม่...
....ชีวิต...คือความรับผิดชอบ
อาจเหนื่อยหอบ..ทุกข์ยาก..แลก..บากบั่น
เงยหน้าสู้...อุปสรรค...แรงผลักดัน
ทิ้ง..ความฝัน..หันมาหาความจริง..

ใจเป็นนาย..กายเรา..ผู้เจ้าของ
จิตเหมือน..คันฉ่อง..ส่องให้เห็น
ยามมองโลก..กว้างไกล...หลายประเด็น
อย่าได้เว้น...ลืมจ้อง...มองตนเอง
..
....กลอนบทนี้ของ ท่าน..ทนายพิกุล...ศิษย์พี่ของเกล้าฯเอง..(คือเป็นศิษย์ อ.ซุปเปอร์.โคราช..)

......ที่ซุกหัวนอน...ของเกล้าฯ..เมื่อครั้ง..เป็นลูกศิษย์วัด..ทุกหนแห่ง..มีห้องส่วนตัว...ราวกับว่า..ตนเอง...มาทำห้องส่วนตัวไว้...ด้วยเหตุผลบุญเก่า..ปางหลัง..ตนเองเคยทำบุญใว้..ก็ไม่แน่ใจ..
แต่ที่แน่ใจ..คือระลึกชาติได้..ว่า..ก่อนจะมาเกิด..นี้..เคยเป็นพระธุดงค์มาก่อน....
..........เมื่อครั้งไปบวชครั้งที่ 2 ปฏิบัติธรรมที่วัดดานลานหินแตก..ก็มีเหตุให้รู้ว่าตนเอง...แท้จริงแล้ว...ชาติที่ผ่านมาก็บวชตั้งแต่วัยเด็ก..แต่ชาตินั้น..บวชตลอดชีวิต....
...และไม่ใช่ชาวไทย...แต่มาจาก.เมืองจำปาสัก
.แต่.อดีต.....ย่อมเป็น..อดีต...อย่างแท้จริง...(คำกล่าว..หลวงปู่มั่น  ภูริทัตตะเถระ)
..
...วกกลับมา...ว่าจะกล่าวเรื่องผีปอบ...ก็ยังไม่เจอสักปอบ..ที่เกล้าฯกล่าวถึงผีสางตอนกลางคืน..ก็ต้องขออนุญาตนะ..ขอรับ..แม้โลกจะก้าวล้ำขนาดไหน...หรือเราอยู่ภพภูมิใด..
เราก็ต้องให้เกีรติ......ท่านผีปอบ....คำนี้จึงจะควรกล่าว..

...ครั้งแรก..ที่เจอ..จะมีลางบอกเหตุก่อน....
ของเกล้าฯ..ฝันเป็นลาง...คือฝันตามที่จำได้...หนึ่งคืนล่วงหน้า.....
ฝันว่า..มีปะขาว...มาบอกว่า...
.."ลูกเอ้ย...ดวงตกนะ...ให้หาพระมาแขวนคอเสีย"
..
วันนั้น..เกล้าฯไปเรียนหนังสือ..ก็ไม่เป็นอันเรียน..เรียนโรงเรียนเอกชน..ค่าเทอมแพงมาก...แต่ก็ยังอยู่วัดอยู่นะ..แต่อาศัยพ่อรับราชการกระทรวงมหาดไทย.เบิกค่าเล่าเรียนได้....
..
คือตอนเด็กนี้..ไม่ได้ถามพ่อแม่นะ..ว่าสามารถส่งเรียนได้ไหม...คิดเองว่าท่านคงจะไม่มีตังส์ส่งหรอกเลยไม่เรียน...
......
...เมื่อมีกรรม...ย่อมมองไม่เห็นทาง...แม้สิ่งศักดิ์สิทธิ..จะช่วยเหลือ...ก็มิอาจช่วยได้....
..
เกล้ากระผมเอง....ก็คิดว่า...คงเป็นเพียงแค่ความฝัน...คงไม่มีอะไรหรอก......
.........พอคิดว่าไม่มีอะไรหรอก...แค่นั้นแหละ
....ก็มีอะไรหลอก.....
..เวลาประมาณเท่านี้แหละ..เที่ยงคืน..48-49 นาทีเหมือนวันนี้..หรือไร..ก็นานแล้ว..
.....ได้มีเสียง....เดินลากเท้า....หรือไม่..ก็เดิน..เอาผมลากพื้นไปด้วย...คือเป็นเสียง...
..ครืด!!!.....ครืด!!!..ครืด!!!.
..เกล้าฯก็นอนฟังเสียง...
..ท่านผี...ก็เดินเอาเท้าลากพื้น....
ครั้งเมื่อเด็ก...ไม่รู้ว่า...เขาเดินรอบกุฎีทำไม...แต่พิจารณาแล้ว...เขาทำมนต์สะกดเรา....พอเดินรอบแรก..ผ่านก็ไม่มีอะไร..
...แต่จิตส่วนลึก..
ได้บอกกับตนเองว่า..
เราถูกเขา..มาลองดี...
..จึงกล่าว..คำว่า..
พุทโธ...พุทโธ..ได้ 2- 3 ประโยค..ก็สู้เขาไม่ได้..เพราะจิตตนเอง..อ่อนแรง..ก็ขาดสติไป.......แต่ก็ยังมอง..เห็นผู้เดินผ่านทะลุประตูด้านหน้า...เป็นเงาดำทะมึน.....
...พอเขาเข้ามาอยู่ในห้อง...ก็เอามือคลำหาจานพระ...ซึ่งเป็นพระเก่าๆ..แตกหัก...ก็หาไม่เจอ..แต่ไปกำเอาหัวคน....
ที่ห่อผ้าไว้.....
คืนนี้....เป็นคืน....หวีดสุดขีด..สะแครี่มากๆ(SCARY)...
..แต่ก็ดิ้นรนต่อสู้.....เกือบตาย...
..เมื่อหลุดจาก..เงื้อมมือ..ท่านผีปอบได้...ก็เปิดประตู..วิ่งไปหาพระอีกกุฎีหนึ่ง...ที่สนิทกันกลางดึก...เวลาประมาณ..ตีหนึ่งครึ่งนี้แหละ....
...
..นี้คือ..ครั้งแรก........
..ลางที่ฝัน..บอกเหตุ...ที่กล้ากล่าว..ว่าเขาเป็นปอบ...คือเขามากับหมาดำสี่ตัว...และพยายามทำร้ายเกล้าฯ...ตามที่ฝันคืนที่มีตาปะขาวมาบอก...เหตุ...
.....พอท่านปะขาวบอก...ในคืนนั้นก็ฝันต่อเนื่องอีกว่า...ตนเองวิ่งออกจากห้องนอน.....กระโดดปีนข้ามกำแพงวัด....วิ่งไปสุดถนน...ก็มีทางสามแพ่ง..เขาเป็นชายแก่..มีหมาดำเป็นบริวาร...ตามที่พิจารณา..เป็นปอบ 9 ตัว..แต่ที่เห็นมาปรากฏมีหมาดำใหญ่  คล้ายหมาป่า.Black Wolf..ที่ไล่ล่ากวางเอลล์ในเยลโลสโตน...ในอเมริกา..นั้นแหละขอรับ...จำนวน..4 ตัว
         ชายแก่ผู้นั้น..เห็นเกล้าฯหยุดชะงักตกใจ..ก็กระโจน...
กอดคอเกล้าฯ...จนเกล้ากระผมตกใจ..ผวาตื่น..
...นั้นแหละ
..ฝันที่เป็นลาง...ขอรับ

นั้นคือครั้งที่ 1 .....
....พอล่วงกาลผ่านไป 2 ปี..ก็หลงลืม..ภาพแห่งความกลัว..มีวันหนึ่ง....
ในฤดูร้อน....แห่งการปิดภาคเรียน...เหล่าสามเณร...ได้กลับคืนสู่บ้านเกิด...เกล้าฯก็ครุ่นคิดว่า....กาลข้างหน้า...เกล้าฯจะต้องเป็นพระธุดงค์.....
จึงคิดแผนการ...ฝึกทดลอง..ธุดงค์..ในเขตวัดก่อน..ออกไปธุดงค์ตามป่า...
..เห็นวัดเงียบ....และกุฎีเส็ง(ทุกวันนี้ถูกรื้อแล้ว)..มีสภาพทรุดโทรม...และกุฎีใหญ่หลังนั้น....
ค่อนข้างวังเวง...เนื่องจาก....
พระและเณร...ต่าง...กลับบ้านหมด...
..
แต่เกล้าฯคิดว่า...อยากหาประสบการณ์...ไปอยู่วิเวก...จึงไปขออนุญาต..เณรผู้เป็นเจ้าของห้อง...ก่อน...ท่านกลับบ้าน..และท่านก็ยินดี...
.......ก้าวเท้า.ย่ำ.เดิน..บนกุฎี..เสียงสะเทือนเลือนลั่น..ทั้งกุฎี....ด้วยเหตุเป็นกุฎีเก่า....
หนึ่ง...ประตูหน้าห้อง...แม้จะล๊อค..ก็ล๊อคไม่สนิท
สอง...บานประตูเสีย...สามารถเอามือดันเปิดจากด้านอกได้
สาม..หน้าต่างชำรุด...เอาเชือกโยง...ต้องเปิดหน้าต่างนอนปิดไม่ได้
สี่....พื้น.....แตกตรงกลาง..ขนาดอาจจะสามารถยื่นมือผ่าน..จากด้านล่าง..ตรงรอยแตกได้....

ห้า...เตียงนอน...คู่...แต่ทั้งสองเตียง..ทำจากไม้โลงศพ..ทั้งหมด...

..ไม้โลงศพผีตายโหง..ตายพลาย..เกล้าฯก็นอนได้...เป็นปกติ(ไม่รู้หรอกว่าตายแบบไหนเป็นมรดกวัด)...เพราะที่ห้องเกล้าฯ...ก็นอนเตียงที่ทำจากโลงศพทุกวัน..
วันดีคืนดีก็มีหลอนบ้าง
..คือไม้เตียงส่งเสียงลั่นตอนดึกสงัด...เสียงเหมือนไม้แตก..
..เอี้ยดๆ..
..จนผวาตื่น...
จึงลุกขึ้นเปิดไฟ...
แล้วกระโดด..กระทืบเตียง...2-3  ครั้ง..เพื่อทดสอบความน่าจะเป็น..ในทางวิทยาศาสตร์..
แต่ผล..ไม่มีเสียงไม้ลั่น....เอี้ยดๆ.,
จึงปิดไฟนอน....
พอเริ่มนอน....ไม้เตียงได้สำแดงอาถรรย์ลั่นอีก....
...แต่ตอนนั้น..
มันง่วงมาก..
ก็เลยคิดว่า..ไม้จะร้องก็ร้องไป..แต่เราจะนอน..เราง่วง..
.แต่ผีที่เตียงน่าจะเป็นผีเพื่อนรัก..มากกว่า..คือมาหยอกเล่น
...
......แต่ผีโลงศพ..เตียงคนอื่นจะเป็นอย่างไร.หนอ..คืนนั้น.
.....แค่ล ้มตัวลงนอน...ด้วยความเหนื่อย...จากการเรียน....หรือไปล้างจาน..ก็ไม่แน่ใจ...ไฟยังเปิด...อยู่เลย..
.....ยังไม่คิดจะนอนจริงจัง...
..แค่ชิมลาง..เฉย..ๆ
...ก็มาแล้ว...
....วรรค...เพื่อพิทักษ์.เพื่อสันติ
ผีจะหลอก...
เขาจะสะกด..ให้เราเข้ามิติ...แห่งการหลับไหลเสียก่อน....
...เขาจะมาทางขาขวาก่อน....เราจะรู้สึกเหมือนเท้าชา...แม้จะพึ่งนอนก็ตาม...
..เกล้าฯ..อยู่กับผี...เป็นประจำ...เคยเรียนอนุบาล...ผีอำ..ที่ห้องตัวเองมาแล้ว...เข้าทำนอง...ไก่เห็นตีนงู...งูเห็นนมไก่
จึงดิ้น..ออกจากมิติ..แห่งฝัน..
..
พอดิ้นหนี...ก็สู้มนต์เขาไม่ได้....
..เขาจับรวบ...ทั้งสองขา......
..วิ่งวนในห้อง..จาก180องศา..มา..360 องศา...ก็หนึ่งวงกลม....พอดี
..
..แต่เขาวิ่งหลายรอบ..หลายวงกลม..จนเกล้าฯ..ตาลาย..และตกใจ...ทำอะไรไม่ถูก...ร้องว่า..อย่า..ด้วยความหลอนสุดๆ..
แต่เขาก็ไม่ปล่อย....
ในวินาที...กลัวสุดขีด..หวีดสุดๆ.
...เหลือสติอยู่น้อยนิด...
จึง..เอ่ยคำที่เคยชิน..แต่ไม่เคยนึกเลยว่าจะเป็นคาถาไล่ผี
คือ.กล่าวคำว่า..

นะ โม ตัส....
     

..พูดแค่นี้..ยังเอ่ยคำ..ไม่จบกระแสประโยค
.ท่านผีเปรตผู้มีรูปร่างดำเมี่ยม...เหมือนมาจากแอฟริกา..ก็ทิ้งขาเกล้าฯ...ด้วยความตกใจ....
   วิ่งหนี..อย่างเร็ว...ที่สำคัญ...ไม่วิ่งลงบันใด...
แต่กระโดดลง...
กุฎี....
เสียงดัง..โครม!!!..
...
...แสดงว่า..แค่จะไล่ผีเปรต..นี้
..นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
.
ก็เพียงพอแล้ว
...เกล้าฯ..รู้สึกตัว...ด้วยอาการหวาดกลัว...ว่าจะวิ่งไปหาหลวงพี่องค์เดิม...มันก็ดึกสงัดมากแล้ว...และหนทางที่จะไป..
ก็ไม่ไกลมาก....
         แต่ไม่อยากรบกวนพระ...สักพัก..ได้ยินเสียง...ตุ๊บๆ...ที่ฝากุฏี..ห้องแรก..เหมือนคนเอามือฟาด..ตบใส่กุฎี 3 ครั้ง

กุฎีนี้คล้ายห้องเช่า..มี 5ห้อง...เกล้าฯไปฝึกธุดงค์ห้องที่ 4
...เกล้าฯก็เงี่ยหูฟัง...ว่าจะมีอะไรอีกไหม...รู้สึกครั่นคร้ามหวาดกลัวอยู่ลึกๆ..
..สักพัก...
..ได้มีกิ่งสน...มาถูหลังคา...เสียงดังครืดคราด....ครืดคราด..
ครืดคราด..เหมือนคนเอามือมาจับ..
แกว่งไป..มา..
..เกล้ากระผมเลยจึง...เอา..เสียงกิ่งสน...ที่หลังคา..มาเทียบมิติ...กับใบมะยม...ที่โดนลมพัด...
..ที่หน้าต่าง..ที่เกิด.ในทิศทางเดียวกัน
..มันต่างกันมาก...
...เพราะในเวลานั้น...ไม่มีพายุเข้า..
..มันแค่ลมพัดแบบแผ่วเบา..โดยสังเกตได้
ที่ต้นมะยม...กิ่งมิเห็นลู่ลมเลย...อย่างมากก็กระเพื่อมเฉพาะใบ...
..
..เกล้ากระผมก็ได้แต่..งุนงง...ในเหตุ..มีแรงเหวี่ยง.อันแสนประหลาดมาทำให้กิ่งสน..ปัดกวาดหลังคา..ได้
..
ในเหตุการณ์นี้..ได้นึกขอบคุณ.ท่าน.ผีปอบ.ที่.มาบีบคอในครั้งก่อน...เพราะแม้จะกลัว..แต่ก็มีภูมิต้านทาน..ในระดับหนึ่ง..
ไม่กลัวจนถึงขั่นวิ่งเตลิด...
....ดึกๆ..ขณะที่กำลังหวาดกลัว...ไม่รู้จะเอาความกลัว..ไปวางไว้ที่ตรงไหน...
พลันได้ยิน...เสียงร้อง...เพลง...ในที่ไกลๆ..แว่วแผ่วเบามาให้ได้ยิน..ก็ใจชื้นหน่อยเป็นเสียงผู้หญิงร้อง....คล้ายๆมีงานมหรสพ.ในที่ใดที่หนึ่ง...รู้สึกมีเพื่อน..

.จึงเริ่มสวดมนต์นอน
..แค่พอหลับ...ยังไม่ดีนัก..
....
..ก็ไม่ได้หลับ..ได้นอนอีกแล้ว..
มีคนเดินขึ้นกุฎี....ท่านผู้มาใส่ชุดดำ....เป็นชายหนุ่ม.
ผิวขาว..แต่งตัวใส่เสื้อสีดำ...สง่างาม
ราวกับว่ามาจากสกุลสูงศักดิ์...ราชนิกุล...หรือเป็นพระมหากษัตริย์แบบโบราณ.....
แต่ในทางพิจารณา..เป็นเจ้าชายผู้มาจากเมืองอสูร....
.และมากับ แบล็ควูล์ฟ..หมาดำอีกแล้ว....แต่ครั้งนี้ท่านมากับทหารองครักษ์หมาแบล๊ควูล์ฟ..
ตัวเดียว...
       ในทางพิจารณา...ก็คือท่านผีปอบตัวเดิม...ที่เคยคิด..จะรัปทานเกล้าฯเป็นของ..กรุบกรอบ...ครั้งก่อนนั้นแหละ....
...ครั้งนั้น...แม้จะมีฝันบอกลาง....
ว่าเป็นชายแก่...(ปอบบริวาร)
....แต่วันมาปลิดชีวิตเกล้ากระผม..ก็เป็นเจ้าชายผู้รูปงาม...ผู้นี้แหละ
Cut
วันนั้น.คืนหลอนในอดีต..(ในปีแรกที่ท่านผีอาละวาด)
มีการรายงานตัวด้วย...
ว่าตนเองเป็นผีปอบ....คงจะประมาณว่าไหนๆ..เจ้าก็จะตายแล้ว..
ก็เลยบีบคอเกล้ากระผมเล่นๆ...และพูดว่า
...ูนี้แหละเป็นปอบ..กูสิกินมึงง..!!!
แต่เกล้ากระผม...เกือบจะตาย...จริงๆ..
วรรค...

แต่ครานี้ท่าน...มาคุยด้วย...
ไม่ได้มาเอาชีวิต..เหมือนครั้งก่อน...
สังเกตที่ท่านทหารองครักษ์Black wolf ที่ติดตาม..นอนสุภาพเรียบร้อย..แลบลิ้นยาวเฟื้อย...
              ..พอมีคนมาเกล้าฯจึงลุกขึ้นนั่ง...
และกล่าวกับท่านผู้มาเยือนว่า.
"ถ้าจะมาแบบนี้..ก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว"
ท่านเจ้าชายผู้มาจากเมืองอสูร...ก็ตอบว่า...
    "ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร...เจ้าอาวาส(พระครูปลัดผิน..อิสิญาโณ)..จะทุบกุฎีอยู่.."
..
..พอสิ้นคำกล่าวนี้..จบ
..ก็ตื่นจากภวังค์....
..จึงลุกขึ้นมาทบทวน.ลำดับ..เหตุการณ์..

...คือ..รู้สึก..งุนงง..

..ว่าตนเอง..เมื่อสักครู่นั่งอยู่บนเตียง..
คุยกับแขก..ผู้มาเยือนในยามวิกาล.
..
...
..แต่พอรู้สึกตัว..กลับพบว่า.ตนเอง..อยู่ในท่านอนหงาย
ฝันไป...
....นี้แหละขอรับ....อย่าได้คิดว่า...ความฝัน..ไม่น่าเชื่อถือเลยขอรับ...เพราะความฝันแท้จริง...ก็เป็นเหตุแห่งมิติ...ที่แทรกมิติ...หนึ่งก็มี..ขอรับ

.....วรรค..
คำว่านะโม ตัสสะ.ภะคะวะโต อะระหะโต.สัมมาสัมพุทธัสสะ..ท่านสาตาคีรียักษ์..อสุรินทร์เทพราหู.ท้าวจตุโลกบาลทั้ง4.ท้าวสักกะ.และท้าวมหาพรหม.ร่วมกันกล่าวในครั้งครั้งแรกๆคนละคำตามตำนาน.นะโม..จะไม่มีอานุภาพ..ได้อย่างไร


... .......เรื่องระลึกชาติ...
     ..นิมิตภาพแห่งภพชาติ...หลายๆชาติ...จะเกิดก่อน....พอนิมิตหมด....ก็จะเกิดเสียง...ตามมา...อาทิ..เกล้าฯ..ระลึก..ได้ว่าชาติที่แล้ว..เป็นวิญญาณ..ชาติที่ถัดจากวิญญาณ...เป็นพระธุดงค์...ชาติที่ถัดจากพระธุดงค์...ชื่อนายมายเนอร์..เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย...แห่ง.กรุงวอชิงตัน ดี.ซี
            ที่เกล้ากระผม..กล่าวว่าเป็นอดีตพระธุดงค์.มาจากแขวงจำปาสัก.ประเทศ.ลาว..อันนี้ไม่ได้ระลึกชาติ...หรอกขอรับ...ยังเชื่อแค่ก่ำกึ่ง... เป็นแต่เพียง..เสียงสื่อจิต...สื่อวาจา .บอก ..จากท่านท้าวเวสสุวรรณ...ขอรับ..  
                  

                    อสุราเสนานาค....เรียบเรียง

**วันที่ 28 มีนาคม 2562

....วันเสาร์ ๕ วันนี้เป็นวันที่พระเกจิทำการไหว้ครู..ปลุกเสกเครื่องรางวัตถุมงคล....แต่เกล้าฯเลือกมาแก้ข้อความครับ
 หัวข้อ.. เรื่องลูกศีษย์วัดปราบผี...จึงเป็นเรื่องเล่าของพระ.และเรื่องหลอนของ..ลูกศิษย์..ที่กลัวผี..เท่านั้น

เพราะ..หลังจากเกล้าฯได้ไปปฏิบัติธรรมในที่ต่างๆและมีเหตุ
....ได้ไปล่วงเกินผีจริงๆ และถูกผีทำโทษ..ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ....จึงสามารถตรวจสอบเรื่องราวในอดีตได้....ขอรับ

 1 เมษายน 2563

มาตาปิตุ อุปัฏฐานัง เอตัมมัง คะละมุตตะมัง..การดูแลบิดามารดาเป็นมงคลอันสูงสุด.......
..
....แต่ถ้าหากมีบุคคลอื่น,,ที่เคยอุปถัมภ์ดูแลเรา..แล้วเราไปดูแลตอบแล้ว..จะเป็นมงคลอันสูงสุดไหม?..ตอบว่าเป็นมงคลอันสูงสุดเช่นกัน..ถ้าหากเราเคารพรักบุคคลที่เคยเกื้อกูล....ย่อมเกิดอานิสงค์..ทันตาเห็น....เหมือนเรื่องราวที่เกล้ากระผม..ขับรถมอเตอร์ไชด์..จากกรุงเทพมหานคร..เพื่อไปอุปปัฏฐาก..พระอาจารย์ที่เคยให้การอุปการะเมื่อครั้งเป็นลูกศิษย์วัดศรีประดู่..,,พระอาจารย์รูปนี้...,ท่านเป็นเจ้าอาวาสที่วัดบ้านหนองกอก.,.ต.โคกกลาง อ.ประทาย...ระยะทาง 362 กิโลเมตร...ตอนนั้นก็ไม่ได้ตรวจหรอกว่าไกลเท่าใด...แต่ขี่มอเตอร์ไชด์มาตั้งนาน..,ก็ไม่มีเหตุอะไร...
  แต่พอจะเลี้ยวเข้าเส้นอำเภอประทาย...เกิดกลิ่นเหม็นไหม้ที่ตัววาล์วของรถเคอาร์...และก็ดับตรงที่เลี้ยวรถแยกไฟแดง...นั้นเอง...แต่เป็นแยกไฟแดงที่ห่างไกลจากชุมชนระเกือบ 1กิโลเมตร...จึงต้องพักรถและตรวจหาสาเหตุ...สุดท้ายก็ต้องเข็น.ฝ่าแดดร้อนระอุ.....ช่วงขณะที่เข็นรถที่หนักๆนี้เอง...รู้สึกท้อใจในโชคชะตา..ที่จะถึงเขตวัดอยู่แล้ว..ก็พลันรถมาดับเสีย....
     เข็นไปสัก100เมตร  จึงหยุดเข็นแล้ว.ยืนหลับตาอฐิษฐานระลึกถึงบุญกุศลที่เคยกระทำไว้แต่หนหลัง.,.คือบุญ..ที่เคยไปช่วยเข่นบิ๊กไบด์..ที่หน้าวัดลาดบัวขาว(ราชโยธา) แขวง สะพานสูง..และถีบยันรถไปส่งเจ้าของรถไกลประมาณ 3 กิโลเมตร...และเคย..แวะรับฝรั่ง..ที่ตกทุกข์ได้ยาก.เดินอยู่ในที่เปลี่ยวเส้นมอเตอเวร์พระราม๙ คนรัสเซีย ไปส่ง ซอย พัฒนาการ 54 พร้อมให้เงินฝรั่งอีก400 บาท และช่วยคนที่ไม่มีรถเดินตามข้างถนน..ไปส่งที่แถวสนามบินสุวรรณภูมิ....ด้วยการระลึกถึง 3 บุญนี้....
    แต่จิตไปผูกกับลุงบิ๊กไบด์..ก็เลยร้องบอกเทวดาว่า..ถ้าหากคุณลุงบิ๊กไบด์..ไม่ได้ข้าพเจ้าช่วยเข็นช่วยยันรถนำพารถลุงไปส่งที่หมาย...ลุงจะต้องลำบากแน่นอน....
  แต่ก่อนอฐิษฐานได้สมาทานศีล5 ก่อน..
 และหลังอฐิษฐานได้กล่าวคาถาพระร่วงวาจาสิทธิ์ว่า..
อิมัง สัจจะวาจัง อฐิษฐามิ
ทุติยัมปิ อิมังสัจจะวาจัง อฐิษฐามิ ตะติยัมปิอิมัง สัจจะวาจัง อฐิษฐามิ

      พอกล่าวเสร็จลืมตาขึ้น...เท่านั้นแหละ...มีเสียงมาทางด้านหลังว่ารถเป็นอะไรครับ...พร้อมถามว่าจะไปไหน..จะช่วยยันรถไปหาร้านซ่อมให้..,ซึ่งวิธีการก็คือเราก็ขึ้นนั่งรถเราเหมือนขี่ไปนั้นแหละ..,แต่อีกฝ่ายที่ช่วยจะขับรถมาประกบด้านข้างและเอาเท้าถีบ...ที่พักเท้ามอเตอร์ไชด์อีกฝ่าย...
       ซึ่งเทคนิคนี้เกล้าฯ..ก็เคยทำช่วยผู้อื่นมาแบบทุลักทุเล...แต่ถ้าทดลองทำแค่ครั้งเดียวเราก็จะรู้จังหวะเอง.....
      แต่ถ้าเป็นกรุงเทพฯเกล้าฯจะไม่อฐิษฐานอะไรหรอก..เพราะแค่เข็นสัก 5-20 นาที ก็จะมีจิตอาสา..หรือพี่มอเตอร์ไชด์วินมาช่วยแล้ว....เพราะเกล้าฯเองเคยมีผู้อื่นช่วยในลักษณะเข่นรถมาก่อน....,
   แต่ที่บ้านนอก...มองไปไหนก็ไม่เห็นแม้เงารถ.....จนต้องถ่าย..พื้นที่ตรงนั้นมาไว้เป็นที่ระลึก...ว่าตัวเรานั้น..,ถ้าไม่มีบุรุษลึกลับ(คือปิดหน้ามา)เราก็คงเข่นแย่เลย.......
        ทุกวันนี้เกล้าฯยังสงสัยอยู่นะขอรับ...ว่าคุณพี่(พี่โต่งโคราช เจ้าของร้านเครื่องดื่ม..มีตัวตนจริงไหม?) หรือเป็นเทวดาปลอมตัวมากันแน่...
เพราะถนนกว้าง ไม่ได้ยินแม้เสียงรถ...
      รถมันมาแบบ   พรึ่บ!!! เดียวเหมือนในหนังเลย...

ภาพเส้นทางที่ถ่ายจากหน้าร้านซ่อม-กับจุด..ที่ได้รับการช่วยเหลือ.....ซึ่งมันไกล..จนไม่สามารถมองเห็นได้...
**-ขอขอบคุณพี่โต้งโคราช.อีกครั้ง..ที่ให้การช่วยเหลือ)




ภาพที่ไปรับใช้พระอาจารย์มา มีเช็ดถูเสนาสนะ ซักผ้าและอื่นๆอาทิปัดลานวัด..นวดเฟ้น..ให้อัตภาพของท่านเจ้่าอาวาสดีขึ้น...
...
**ปุ้มปุ้ย**เพื่อนคู่ใจ.คู่ทาง.กรุงเทพ-ประทาย -วัดบ้านหนองกอก..

6 เมษายน 2563
อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก...
....
ผู้ให้ของที่เลิศย่อมได้รับ.ของที่เลิศ....จึงอยาก..ถ่ายทอดวิชาอันเลิศ..เกี่ยวกับการพยากรณ์...แก่ทุกๆท่านที่เคารพ..
ซึ่งวิชานี้เรียนจากท่านพระอาจารย์ สถิตย์  พระแท่น ที่ยโสธร.. ผู้เป็นหลานของหลวงปู่จันทร์  อรรคธัมโม..(ผู้เป็นพระอาจารย์ทางของเกล้ากระผม..).
....
การจะรับผูใดเป็นศิษย์..ท่านมิรับโดยง่าย...เพราะท่านทรงวิทยาคุณ
...ท่านกล้าวกับผูข้าว่า...เอาจั่งสี้...สิเสี่ยงทายบารมีก่อน..ถ้าหากเรียนได้...ไข่ ทั้ง หมดที่โยนขึ้นปลายไม้...พอตกลงสู่พื้นดิน...ไข่ไก่จะไม่แตกทั้งหมด....ถ้าไข่ไก่แตกหมด...ท่านจะไม่สอน....
ว่าแล้ว...ท่านก็ทำพิธีจัดการโยนไข่ระดับปลายไม้ต้นจามจุรี...โยนไปทั้งหมด 6 ฟอง...ได้ยินแต่เสียงหล่นกระแทกดินดัง ตุ๊บ ตุ๊บ...จนเกล้ากระผมใจหายหมด...
..
พออาจารย์ไปเก็บไข่ไก่ 6 ฟอง ไข่ไก่ที่ไม่แตก  มีอยู่ 4 ฟอง..อาจารย์ก็เลยหัวเราะเสียงดังร่วนร่วน(หัวเราะร่วน)....และกล่าวว่า..มันเป็นนำเชื้อวาสนาเหมือนกันจึงสอนกันได้...และบอกว่าเกล้าฯมีฟันเขี้ยวที่อยู่ในปาก..เกิดในตำแหน่งเดียวกับอาจารย์...


ใบไม้เถาวัลย์...ใช้พยากรณ์ได้.ทุกอย่างเท่าที่อยากพยากรณ์ที่อยู่ในกรอบศีลธรรม..แต่เรื่องสำคัญ..ให้ไปสัคเคเทวดา  ทำพิธีที่ต้นไม้ที่มีแก่นใบหนา..อาทิ ต้นกระโดน ต้นอะไรดีหละ ที่ละแวกเกล้าฯอยู่มันมีต้นกระโดนทุ่ง ของชาวบ้านเขา..แต่ก็แผ่บุญให้เจ้าของต้นไม้..และรุกขเทวา  อย่างนี้ไม่ผิดฟ้าดิน..ในโลกมนุษย์เขาก็ไม่ใส่ใจหรอก เด็ดใบไม้ 3 ใบ ไม่ได้ไปขูดต้นไม้เขา
***ข้อห้าม***
1.ห้ามนำไปทายดูดีร้าย..สามีภรรยา..แตกสามัคคีกัน..
2.ห้ามทายดีร้าย.พุทธคุณ.เครื่องราง.เพราะเป็นการหลบหลู่.ครูอาจารย์
(*คัดเครื่องราง..เราต้องแต่งขันธ์5 อาราธนาครู.วางเครื่องรางทั้งหมดต่อพระรัตนตรัย..สิ่งไหนเป็นมงคลท่านจะดลใจประทานให้เราหยิบไปใช้เอง..ไม่จำเป็นที่ชื่อเสียง.หรือพึ่งสร้าง..เก่าใหม่)

3.อย่าทายอาเพศ เหตุป่วยไข้..และการตายของคนอื่น...

****ศีล 5 คือบาทฐานของการทาย..ต้องสมาทานทุกครั้ง



ใบไม้แก่น..ไม้ต้นใหญ่
(ใบไม้ตัวอย่างซึ่งอาจไม่ตรงคำอธิบาย...เด็ดมาอธิบายประกอบเท่านั้น)
....
แล้วท่านได้ทำพิธีรับศิษย์...ที่หน้าบ้าน...และได้ถ่ายทอดวิชาให้..วันแรกเป็นแต่เพียง..รับใช้ท่าน...เพราะคนมาพึ่งบารมีธรรมของท่านจนบ้านแทบแตก...ท่านได้จัดที่รับรองให้กล้าฯพักที่โรงเรือนข้างบ้าน..
และข้างโรงเรือนนี้เอง..เป็นที่ถ่ายทอดวิชาเด็ดใบไม้...เพราะท่านปลูกไว้เยอะ..
....
วรรค....
ความแม่นยำ..ไม่ต้องพูดถึง..คือมีทั้งแม่นและไม่แม่น...และงุนงง.ไปหมด...เพราะการทายที่ได้ผลเราต้องทายแค่ไม่เกิน 3 ครั้งในเรื่องเดียว..ถ้าไปทำมากกว่านั้นย่อมงุนงง..ในขณะที่ตัดสินผลพยากรณ์ไม่ได้...ให้เอาคำทำนายครั้งแรก..เป็นใบชี้ขาด

.ก่อนจะออกคำพยากรณ์..ว่าจะทายเช่นไร.ก็ให้ทดลอง..ทายตนเองก่อนค่อยไปทายคนอื่น
....แต่ทุกๆครั้งที่เด็ดใบไม้เราต้องบอกกล่าวเจ้าภูมิในที่นั้นๆ..เพราะโดยปกติใบไม้เป็นทรัพย์สินที่คนไม่ได้หวงแหน....การที่เราจะเด็ด 2-3 ใบ ก็ไม่มีใครเขาหวงแหนกันหรอก...แต่มันเป็นการผิดภูมิเทวดา....หากมิกล่าวขอจะทำให้คำพยากรณ์คลาดเคลื่อน
...
เคยพิสูจน์ความแม่นยำหลายครั้งและต่อไปนี้..เป็นตัวอย่างการใช้ใบไม้...ช่วยตัดสินในยามไม่มีผู้ช่วย

วรรค..เพื่อพิทักษ์เพื่อสันติ...

ณ...ที่ร้านซ่อมรถ..คือในวันที่รถมีปัญหา.ที่ไปรับใช้เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองกอกนั้นแหละ..ขอรับ...

หลังจากพี่โต้งโคราชได้ถีบรถมาส่งร้านซ่อม..
ก็ไปหาช่างและได้โบกรถ..ประจำทาง-อ.โนนแดง-อ.ประทาย...แล้วต่อด้วยสามล้ออีก..จึงถึงวัด บ้านหนองกอก
.....หนึ่งวันผ่าน...จึงไปรับรถ...แต่ไม่เจอนายช่าง
เรื่องราคาซ่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะมันเป็นเรื่องบริหารการจัดการของแต่ละร้าน...ว่าปีนี้ร้านของเขาต้องการจีดีพี.หรือกำไรสุทธิในแต่ละปีเท่าไหร่

แต่..ขี่มาระยะหนึ่งผ่านอำเภอโนนแดง..อีกไม่กี่นาทีจะเข้าอำเภอประทาย..ฝาสำรองหม้อน้ำได้เปิดและน้ำได้ทะลักกระเด็นใส่ขา..เกร์วัดความร้อน..บอกใกล้ขีดแดงขีดอันตราย...เลยหยุดรถพักความร้อน...
...
จึงจอดรถท่ามกลางเปลวแดด...
...ตัวเราก็ไม่หยั่งรู้ว่ารถเกิดปัญหาอะไรขึ้น.
จะหาช่างปรึกษาก็ไม่มี
สิ่งแรกที่ทำ..คือไปถามต้นไม้ข้างทาง.....ใช้วิชาเสี่ยงทายวัดนิ้วตรวจดูว่าจะขี่ถึงวัดไหม?(เรื่องเสี่ยงทายวัดนิ้วนี้ไม่ขออธิบาย) พอทราบผลว่าไม่อันตราย...จึงขับไปเด็ดใบไม้ต้นอื่น.ดูบ้าง..คืออยากรู้ว่า.ต้นต่างต้น.จะให้ผลต่างกันไหม?แต่แท้จริงแล้วเป็นการลบหลู่รุกขเทวา.ของต้นไม้อีกต้น..ท่านจะงุนงงแน่นอน..(ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไรให้ยึดตามต้นไม้ครั้งแรก)...แต่ก็ไม่ลืมไปขอคำแนะนำจากร้านซ่อมรถในตัวเมือง
.ซึ่งช่างแนะนำ..ว่าให้ไปซ่อมกับช่างคนเดิม...จึงจะไม่เสียค่าซ่อมเพิ่ม....
...เกล้าฯจึง...วกรถกลับ...เพื่อมุ่งหน้าไปหาร้านเดิมซึ่งไกลเป็นระยะทางร่วม 40 กิโลเมตร...พอขับรถมา..สักพัก..เกล้าฯเห็นต้นไม้ใหญ่...อยู่ข้างทาง...จึงอยากถามต้นไม้อีกครั้ง...ว่าควรจะเชื่อคำแนะนำของนายช่างไหม
....
เมื่อได้เด็ดใบไม้จึงเกิดผลของ 3 ประการ

ผลข้อที่ 1.หากนำรถไปซ่อมร้านเดิม.ผลของใบไม้..ได้เป็นกิ่งมาเลย...มีมากกว่า.3-5 ใบ และมี 1 ใบ ที่มีแมลงกัดขาดหลาจุดกินเกือบหมด...ภายหลังได้โทร.เล่าอาการของรถที่ซ่อมมานายช่างให้รีบขับมาซ่อม...โดยวางแนวทางในการซ่อมคือปาดฝาเสื้อสูบซึ่งต้องจอดรถทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 1 วัน

2.ถ้าเอาไปซ่อมร้านขายอะไหล่..ที่ไปขอคำปรึกษา.ช่างท่านนี้จะเปลี่ยนปะเก็นวาล์วอย่างเดียวอย่างอื่นไม่ทำ..เพราะไม่มีอะไหล่..ผลของใบไม้ได้ใบเดียว...แต่มีรอยขาดแหว่ง..อยู่หลายจุด...พิจารณาว่า...ไม่ดีสักเท่าไหร่...เพราะเชื่อใบไม้...และตอนกลางคืนก่อนเจอช่าง....เกล้ากระผมก็ฝันเห็นใบหน้าเขาชัดเจน..ไม่รู้เขามาเข้าฝันล่วงหน้าได้อย่างไร..แต่ก็ไม่แปลกใจ..เพราะฝันแบบนี้เคยเกิดขึ้นมันเป็นผลของ.การพิจารณากาย.ผลของสมถะ..นิมิตล่วงหน้า.
ใบไม้ที่ไม่สมบูรณ์..จะมีรอยกัดแทะ..หรือตามภาพ

..ใบที่สาม.สมบูรณ์100%...แต่ไม่ใช่ใบจริงในการ
พยากรณ์ ใช้ในทางศึกษาเท่านั้น

3.ใบที่ 3ถ้าหากขับรถกลับวัด จะดีร้ายเช่นใด?...ผลของใบไม้..สมบูรณ์80% เพราะมันเสียหายที่ถูกแมลงกัด.เป็นรูเล็กๆ..1 รู
ซึ่งดีกว่าทุกใบ
จึงเชื่อใบไม้ใบที่3
...
...จะทำพิธีอะไรเกล้าฯ.จะกล่าวขอขะมา.พระภูมิ..ทุกครั้ง..เว้นแต่เผลอ...ลืม...แต่ก่อน..อยากทำพิธีอะไรก็ไม่ขอขมา....ภายหลังเกิดฝันว่ามีตะขาบ..มาขนดที่หน้าท้อง..ตอนเช้ารู้สึกยอกตามตัว...จึงคิดว่าเป็นพวกลมเพลมพัด....จึงเอาน้ำที่ถวายหิ้งพระ..มาดื่ม..ก็หาย...
        
            .
ลักษณะใบไม้ที่ดี..จะเหมือนเรือพายแอ่นขึ้น

ด้านล่างจะไม่ดี..ทั้งหมดเมื่อเทียบกับด้านบน
....
เรื่องพิธีกรรมการเด็ดใบไม้...อาจารย์ของเกล้าฯ..มิได้เอ่ยว่าจะให้ทำกล่าวอะไร...ท่านกล่าวเพียงหนึ่งคาถา.คือ..
นะเร  นะหา
****ส่วนตัว..1.จะสมาทานศีล5,สัคเคเทวดา.บอกกล่าวครูอาจารย์..2.แผ่บุญให้เจ้าของต้นไม้,แผ่บุญให้เทวดาประจำต้นไม้,
แล้ววิตกถามว่าบุญอันใดที่ทำไว้ในอดีต...ที่จะนำมาแผ่ออกไปให้ผลพยากรณ์แม่นยำได้
3.แล้วทำจิตให้สงบ..พอภาพของบุญในอดีตผุดขึ้น...ก็อ้างบุญนั้น..มากล่าวว่า..ด้วยเดชแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้..เอาหมวกไหมพรหม..ไปถวายหลวงตามหาบัว...แห่งวัดป่าบ้านตาด...ขอผลแห่งการเด็ดใบไม้พยากรณ์จงเที่ยงตรง แม่นยำด้วยเถิด..สาธุ สาธุ สาธุ..อันนี้ยกตัวอย่าง...แต่ความจริงเคยนำไปถวายหลวงตามหาบัวจริงขอรับ...
*****
หรือกล่าวกัน วิทยาธร  ว่า เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวาเยอัปฯ.(คาถาหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม..ย่อมาจากกรณียะเมตตาสูตรเกล้าฯจำมาจากหนังสือเผยแพร่).กล่าวแค่นี้...*--***

***
แต่ก็มีบทเฉพาะของตัวเอง...คือ****
ข้าแต่วิทยาธรและภูมิมะเทวดา..ผูข้าคือลูกชาย...หลวงพ่อพระใหญ่..***
อย่าคิดว่า..วิทธยาธร ไม่มีจริง..***มีวันหนึ่ง หลวงปู่ขาว อนาลโย มาบอกเกล้ากระผมทางสมาธิว่า

****ยามกลางค่ำกลางคืน โตอย่าไปเดินลอดต้นไม้พุ่มนั้นเด้อ!!!..ตรงนั้นวิทยาธรทำมนต์ไว้  มนต์โตสิเสื่อม...ความหมายคือพุ่มไม้ที่มันยาวโค้งประสานกัน เหมือนซุ่มประตูโขงหน้าวัด...คือ..เราไม่มีทางหลีกได้ ต้องเดินลอดอย่างเดียว..เรียกว่าทางบังคับ
...สาธุเด้อ!!!..หลวงปู่ขาวเพิ่นว่า..
****
หรือ..ท่านกล่าวอะไร...ที่ท่านมั่นใจ...ท่านก็กล่าวเถิด...เพราะธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน สิ่งทั้งหลายล้วนทำสำเร็จแล้วด้วยใจ


เมื่อคำพยากรณ์สมจริงแห่งใบไม้..จึงวกกลับมาสืบระบบ.จากช่างไม่กี่ร้านก็ได้รับคำชี้แนะจากท่านนายช่างผู้มีเมตตาว่า....รถไม่ได้มีปัญหาอะไรเพียงแต่นำรถไปให้ช่างหม้อน้ำทำความสะอาดผ่าหม้อน้ำแค่นั้นเอง..หมัอน้ำตัน.ทำให้รถเกิดความร้อนง่าย..เพราะรังผึ้งของหม้อน้ำไหลเวียน.ในระบบไม่สะดวก...

.....***เคล็ดลับเรื่องพยากรณ์**
..เน้น...ให้ระลึกถึงบุญหนึ่งอย่างหรือได้ให้ทานจะ3บาทหรือกี่บาทก็ได้.
...
ยกตัวอย่าง(แต่เกล้าฯเคยทำจริง)**สาธุ..ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สวดพระธรรมจักรอยู่ 5 ปีไม่ขาดแม้วันเดียว..ขอให้เกิดอานิสงค์ด้วยเถิด พูด 3 ครั้ง..เพราะขณะที่ท่านกล่าวว่า..ขอให้เกิดอานิสงค์ด้วยเถิด..อยู่ 3 ครั้ง จะมีเทวดาหรือพระอินทร์ท่าน..มาขออนุโมทนาบุญ...และท่านก็เด็ดใบไม้เถิด..
*************************
....

และ ณ ร้านช่างหม้อน้ำ..พี่เด็ด.อยู่ตรงข้ามบิ๊กซี.ของอำเภอประทาย.....ช่างไม่อยู่จึงโทร.ตาม
.ได้ยินปลายสาย..***กำลังกลับไปส่งแม่เฒ่าแม่ยาย..ไปโรงพยาบาล..รอผมอยู่ตรงนั้นแหละ..***
......เมื่อมาถึงท่านก็จัดแจงเกี่ยวกับระบบหม้อน้ำรถ...
และมาไถ่ถามว่าเป็นคนที่ไหนคุยกันสักพัก...จึงรู้ว่าพี่ท่านเป็นมหาอุบาสกผู้ใจบุญ..ชอบติดตามพระอริยะ.....และมีเพื่อนคู่หู...ติดตามมาด้วย.....
...
แต่มีจุดหนึ่ง...ที่ทำให้วงสนทนาเกิดความคุ้นเคยตรงที่เกล้าฯ..บอกว่าเป็นลูกศิษย์พระที่บ้านหนองกอก..เดินทางจากกรุงเทพฯมารับใช้อาจารย์นี้แหละ...พี่ท่านจึงไปเอาจานเครื่องรางวัตถุมงคล....มาวางด้านหน้า...และพูดว่า..ต้องการองค์ไหนเมื่อพี่ท่านเห็นเกล้าฯแขวนเครื่องรางอันใหญ่...และชื่นชอบวัตถุมงคล
เกล้าฯ..ก็รู้สึกอึ้งนิดหนึ่ง....ก่อนจะบอกพี่ท่านว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า
 ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก.ยิ่งกว่าเดิม....และได้บอกเล่าความเป็นมาของตนเองที่มีอุปนิสัย..ให้วัตถุมงคลผู้อื่นเหมือนกัน..บางครั้งก็เอาวัตถุมงคลที่มี..นำไปถวายพระ..ให้พระแจกแก่บุคคลทั้งหลาย...ที่ต้องการ...
พี่ช่างเห็นอุปนิสัยกอปรกับพี่ท่านเองก็เป็นคนใจบุญอยู่แล้ว..พอได้สดับคำที่มาจากพระโอษฐ์....จึงพูดด้วยเสียงอันดัง..

***.น้องพระในจานใบนี้และเครื่องรางทุกอย่าง..น้องมองว่าอันไหนดี...ให้หยิบไปเป็นของตนเองเลยเด้อ!! อ้ายบ่หวง...
...พอได้ยินว่าไม่หวง...เกล้าฯก็เผลอกล่าว..ขอสัก 3 องค์..
***
ที่นำมากล่าวเพื่อขอขอบคุณในดวงจิตแห่งความกรุณา..ของพี่ช่างหม้อน้ำ.พี่เด็ด...และเพื่อนของท่าน(พี่ชา)...ที่ช่วยกันเลื่อยไม้พยุงปลุกเสกให้.เพิ่มเติมและไม้กฤษณา..อันนี้ให้เพิ่มเติม..ขอรับ...ส่วนค่าช่างพี่เขาคิดไม่แพงแต่เกล้าฯก็ให้พิเศษ..ถือว่าบูชาเครื่องวัตถุมงคล

**..ซึ่งตามจริงวันนั้น...เกล้าฯเห็นพระเก่าๆ..หลากหลาย..กิเลสแห่งโลภะก็ครอบงำ....อยากได้ติดมือสัก 3 องค์ครั้นจะเลือกเองก็เกรงจะไม่ถูกดวงชะตาที่กำลังจะวิบัติของตัวตัวเอง.เพราะตนเองได้ไปทำพิธีปราบผีพระที่พึ่
งมรณะ.โดยบารมีหลวงพ่อพระใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านท่าไคร้เป็นผู้บอกให้ทำ จึงรอดพ้นความตาย
..เพราะสารพัดมนต์ท่องบทไหนท่านผีพระก็ท่องได้หมด..จึงกำหนดกระสิณองค์พระใหญ่..ที่บูชาที่หิ้งพระกรุงเทพ...แล้วทำจิตให้ไปทำพิธี..ที่เชิงตะกอนที่กำลังลุกโชน(จะเป็นมโนมยิทธิไหม?ไม่แน่ใจ.แต่เห็นเหตุการณ์ทุกๆอย่างที่เชิงตะกอน..พอรู้ว่าองค์หลวงพ่อพระใหญ่ท่านทำพิธี.จบแล้ว.ตนเองก็ลุกจากห้องไปทำพิธี..โปรยหิน..รอบๆกุฏีที่พักแต่เสกด้วย..แล้วไปซัดหินใส่กองฟอน.หรือเชิงตะกอนและซัดไปสี่ทิศ...และอฐิษฐานว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไปไม่ว่าผีที่ตายไปแล้ว..หรือผีที่จะมาเผาที่นี้อย่าได้หลอกหลอนชาวบ้านหนองกอกและ.หลอกหลอนผู้ใดได้อีก...พร้อมกล่าวคาถาพระร่วงวาจาสิทธิ์
ซึ่งทำก่อนพระอาทิตย์ขึ้น..เพราะหยั่งรู้ว่าถ้ามิทำแบบนี้..ต่อไปจะมีผีพระมาหลอกหลอนชาวบ้าน..ทำเสร็จแล้ว.ได้กล่าวขอขมาเจ้าของร่างพระเถระ...ก่อนไปหยุดยืนกล่าว
กายะนามะรูปังสูญญัง..เพื่อบอกกล่าวแก่ท่านพระภิกษุว่า..ร่างกายนี้ของท่านได้ดับสูญเรียบร้อย,.,(กล่าว 3 ครั้ง)
แล้วกล่าวบอกท่านว่า..ร่างกายนี้ไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่.ดับไป..คือกล่าวบังสกุลให้แก่ท่าน..,ถัดจากนั้น..ได้ยืนแผ่อุทิศส่วนกุศลทุกๆประการ..ที่เกล้ากระผมได้กระทำมา..แก่พระคุณเจ้า..และทุกๆดวงจิต

.(*อย่าอวดเก่งกับผี...อย่าอวดดีกับตาย..อมตะวาจาของท่านสมเด็จพระพฤฒาจารย์โต พรหมรังสี)
...วรรค..เรื่องผี..ตามจริง..ถ้าเป็นญาติ พี่น้อง หรือเพื่อนได้เกล้าฯขอผูกความเป็นสิ่งนั้นหรือต่างคนต่างอยู่ดีกว่า...แต่ที่ได้ทำเพราะเขามาเบียดเบียนตอนเกล้าฯกำลังปฏิบัติธรรม..ท่านทั้งหลายลองพิจารณา..ถ้าจะมาเบียดเบียนผู้ปฏิบัติธรรม..กาลข้างหน้าก็นึกเหตุการณ์ไม่ออก...แต่ก็ใช่ว่าเกล้าฯจะอาจหาญกระทำพิธีสยบป่าช้า(ส่งวิญญาณไปเกิด)...ทุกทณะจิต..มีหลวงพ่อพระใหญ่คอยกำกับทางเสียงและอุคหนิมิต...เมื่อเสร็จทุกอย่างก็มิได้กล่าวบอกใคร.ขอรับ.***
หรือถ้าจะบอก..ก็บอกเพียงว่า.ท่านผีทั้งหลาย.เกล้ากระผมทำตาม.หลวงพ่อใหญ่บอกเด้ออย่ามาเอาโทษกับผูข้า...คันสิเอาโทษกะไปเอาโทษนำเพิ่นพุ้น!!!!

***ใครหละจะไม่กลัวผี****

.เมื่อมีผู้จะให้เครื่องคุ้มกันตัวจึงไปซื้อเครื่องพลีกรรม...เป็นน้ำชาเขียว..ให้พี่เด็ดผู้เป็นเจ้าของพระและพี่ชาเพื่อนคู่หูของพี่เด็ด....ก่อนจะถวายน้ำผู้รักษาเครื่องราง 1 ขวด..คือมีหลวงพ่อคูณปั้นหล่อลอยองค์..เป็นประธานของจาน....
..
ก็เลยอฐิษฐานจิต...บอกหลวงพ่อคูณ..ช่วยดลจิต...เลือกวัตถุมงคลให้ด้วย...โดยกล่าวสมาทานศีล5 ชุมนุม เทวดา..กล่าวขมาเทวภูมิ...
...
พอกล่าวเสร็จ....ท่านก็ดลจิต..เลือกให้เพียงอย่างเดียวคือคชกุช(ตะขอสับช้าง)....เราก็ต้องเชื่อ....เพราะเราเป็นผู้ทำพิธีเอง.....ขอรับ...
เกล้าฯเองจะรับสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากผู้อื่น..เราจะต้องมีของไปแลก..จึงจะรู้สึกสบายใจ..แต่วันนั้นไม่มีสิ่งใดที่คู่ควรแก่การตอบแทนสำหรับผู้ให้เลย...จึงบอกกับเจ้าของพระว่าผมมารักษาอาจารย์ของผมที่เดินไม่สะดวก..ติดขัดในเส้นเอ็น...และเดียวนี้ท่านเดินได้คล่องแคล่วระดับหนึ่งแล้ว...ถ้าหากกาลข้างหน้าพี่เดินไม่ได้..ไปไม่เป็น..ให้โทร.ตามผม..ผมอยู่ไกลแค่ไหน..ผมก็จะเดินทางมารักษาพี่..ที่ต้องกล่าวเช่นนั้นเพราะ..สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่คนอื่นหยิบยื่นให้มันมีค่ามากกว่าเงินทอง..และเกล้าฯเองเมื่อกล่าววาจาก็รักษาคำสัจพร้อมทั้งให้เบอร์โทร.พี่เขาไว้..ก่อนที่จะกล่าวแผ่บุญบวชเณร บวชพระและทุกๆบุญให้พี่ท่านทั้งสองคน....เพราะสิ่งที่ได้นั้นเป็นอำนาจแห่งบุญ...คนพึ่งพบกันชั่วระยะเวลา จามไอ 3 ครั้งแต่สละของบูชาให้..มันก็ยากที่ผู้รับจะหาสิ่งของมาบูชาตอบ...
และได้บอกตามตรงแก่พี่ท่านทั้ง 2 จะเข้าไปนอนยังจุดเดิมที่อันตราย..ที่กล่าวเช่นนั้นคือสื่อให้พี่ช่างทั้งสองรู้ว่า..ตัวเกล้าฯอาจมีเรื่องตื่นเต้นรออยู่ก็ได้..แต่มิกล้าเล่าความเป็นไปของตัวเอง.ขอรับ.

หลวงพ่อใหญ่ บ้านท่าไคร้ จ.บึงกาฬ

**องค์พระตามเรื่องเล่าได้ให้ท่าน ร.ต.อ. เดชฤทธิ์ แสงจันทร์ศรี ไปบูชา
...
องค์ตามภาพนี้..เป็นของบิดาของเกล้าฯ..ท่านส่งมาแทนองค์เดิม...สืบเนื่องแต่เหตุ..เกล้าฯได้เคยไปอฐิษฐาน..อยู่หน้าโบสถ์ว่า..ข้าแต่หลวงพ่อพระใหญ่..ข้าพระองค์ขอเกิดเป็นลูกหลวงพ่อด้วยเถิด...หรือคำอฐิษฐานจะเป็นจริง..เพราะเวลาถึงยามคับขัน...พอระลึกถึง..พระพุทธรูปองค์อื่นๆ..เกือบทั่วแผ่นดิน(หมายถึงชื่อเสียงองค์พระ)ที่เคยทำอุคหนิมิต...
หรือ..
เคยระลึกเป็นพุทธานุสสติ.กรรมฐาน...ปรากฏว่าไม่มีพระพุทธรูปองค์นั้นๆ...เสด็จมาปราบเลย....ภาพอุคหนิมิต(ภาพติดตา).จะถูกตัดขาดเป็นห่วงๆมิสามารถทรงได้เลย...ต่อเมื่อได้ระลึกถึง..หลวงพ่อพระใหญ่...นั้นแหละ.อุคหนิมิต..จึงสว่างชัด...สามารถกำหนดให้เป็นปฏิภาคนิมิต..(หลายองค์)ได้
และมีเสียงแหวกอากาศมาว่า...

***เมื่อนึกถึงถูกองค์พระ..ก็จะมีความสวัสดี***
...
จากเรื่องเล่าของเกล้ากระผม...ถ้าหากท่านใดชีวิตมีอุปสรรคมาก..มีความทุกข์มากใจ.จนหาทางออกไม่ได้..ท่านอย่าพึ่งท้อใจ...ลองไปกราบจุดธุป..ขอเป็นลูกหลวงพ่อพระใหญ่เกิดใน.เขตอารามเพื่อชีวิตมีที่พึ่งทางใจ..มีหนทางใหม่..
เพราะหลวงพ่อเป็นองค์พระที่มีเมตตามาก.ขอรับ

***ในทุกๆปี..ทางจังหวัดบึงกาฬ.ได้กำหนดให้มีงานสรงน้ำสมโภชหลวงพ่อพระใหญ่..ในวันที่ 19-21 เม.ย. ของทุกปี***และวันเพ็ญเดือน 3 บุญข้าวกี่.จะมีการถวายปราสาทผึ้ง 2 หลัง ปี หนึ่งจัด 2 ครั้ง...***

******อิทธิปาฏิหาริย์
เรื่องเล่า.เดิมที...ชาวบ้าน..ก็ไม่รู้ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์..ต่อมา..องค์หลวงพ่อใหญ่เพิ่นจึงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์..เป็นดวงลูกแก้วคล้ายดวงไฟใหญ่..เสด็จออกจากพระอุโบสถ.ตอนกลางคืน..หลายครั้ง..ต่อมาก็มีเรื่องเล่าท่านหลวงพ่อใหญ่ลงเล่นน้ำโขง....คือยกองค์ทั้งองค์พระ.ลงไปสรงน้ำที่แม่น้ำโขง..เจ้าอาวาสมาเห็นความอัศจรรย์ตอนเช้า..ซึ่งปรากฏมีจอกแหน่และตะไคร้น้ำขึ้นเต็มที่พระเศียรขององค์พระ..
(เล่าโดย.. คุณน้าจำเนียร สีทอง)..
                            
    *****คนกลัวผี..เป็นผู้เรียบเรียง***ประวัติหลวงพ่อใหญ่ฉบับท่องเที่ยว***http://ประวัติหลวงพ่อพระใหญ่ บ่านท่าไคร้

....เราชาวพุทธเชื่อมั่นอำนาจแห่งบุญ...เพราะเหตุใดเล่าพระนางมัลลิกามะเหสีเอกของพระเจ้าปเสนทิโกศล..เมื่อละสังขารในโลกนี้..ต้องไปตกนรก อยู่ 7 วัน ทั้งที่พระนางได้ถวายอาหารแก่พระอรหันต์ 500 เกือบทุกๆวัน...***สาเหตุที่พระนางมหาอุบาสิกาได้รอดพ้นจากนรก..เพราะรำลึกถึงบุญที่ได้กระทำมา..ขอรับ...
      วิชาส่องใบไม้ขององค์อินทร์คือวิชาบุญบันดาล...เมื่อท่านได้นึกถึงกองบุญกุศลที่ได้กระทำมา..ความทุกข์ข้างหน้าของท่านก็อันตรธานแล้ว..หรือหากบุญยังไม่ส่งผลเราก็ยังชื่อว่าได้ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า..คือทำจิตให้ผ่องแผ่ว...การระลึกถึงความดีนั้นแหละ..คือการทำจิตไม่ให้เศร้าหมอง...เมื่อจิตไม่เศร้าหมองสุขคติเป็นอันหวังได้(กริฏตัง อสังกริฏเฐ สุคติ ปาฏิติกังขา)..

                    ใบนี้เป็นใช้ทายของหาย..เป็นใบแห้ง หลังจากผ่านไป 2 คืนแล้วจึงถ่ายไว้..แต่ถ้าตอนเด็ดจากต้นใหม่ๆ...จะเป็นใบไม้หมายเลข 1
ภาพด้านหลัง

หมายเลข1. ถามเรื่องของหาย
หมายเลข2.ถามเรื่องการขุดบ่อดินทำพื้นที่รับน้ำให้ดินโดยรวมชุ่มชื้นหรือเรียกสั้นๆ ธนาคารน้ำ(แบบปิด)
3.ถามเรื่องการเจาะบาดาล
                           
ภาพด้านหน้า
****ที่เห็นมีพานครู..เพราะว่าในการเรียนศาสตร์อะไร..เราก็ต้องไหว้ครู...แต่ถ้าหากอยู่ห่างจากตัวบ้าน..เราก็แค่ระลึกถึงครู...ซึ่งทำไม่ยากหรอก.มีเพียงขันธ์ 5 คือดอกไม้5คู่เทียนขาว5คู่จุดธูป16ดอกปักกลางแจ้ง..บอกเทวดาทั้งหลายได้รับรู้ว่า.องค์อินทร์คือครูของเรา ขอรับ


ใบไม้ใบหมายเลข 1 นี้...มีแม่เฒ่าทางเมืองเหนือลำปาง..โทร.มาถามว่า..บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่สูญหายมาเกือบเดือนแล้ว.จะหาเจอไหม?มีความทุกข์ใจมาก....คือท่านไปติดต่อทางธนาคาร..เจ้าหน้าที่แจ้งว่าบัตรนี้..ถ้าทำใหม่จะช้ามาก 6 เดือนจึ้นไปจึงจะได้
***
ฝ่ายเกล้าฯหลังจากได้ทำพิธีเด็ดใบไม้...ใบนี้สมบูรณ์ไม่มีรอยแมลงกัดแทะ...แต่มีความพิเศษคือ..มีตัวแมลงเพลี้ยวิ่งไปมา...จึงออกคำพยากร์..ว่าจะหาเจอแน่นอน..แต่ให้ใช้ความพยายามหน่อย...
(เหตุเกิดวันที่ถาม วันที่ 13เมษายน หาเจอ วันที่16 ปีนี้แหละขอรับ กักตัวโควิท19)
แต่..ถ้าหาครบ 8 ครั้ง ให้เลิก หา..สุดท้ายท่านก็หาเจออยู่หลังตู้.โดยบังเอิญ..เพราะหลังทราบคำพยากรณ์ ท่านก็นึกว่า เป็นไปไม่ได้หรือไรก็มิทราบได้..เกล้าฯพึ่งทราบข่าววันนี้จึงให้เป็นเคสศึกษาขอรับ

ส่วนหมายเลข 2 และ 3 ถามเรื่องการหาแหล่งน้ำไปใช้ในไร่โกโก้..ที่กำลังทำว่าจะใช้แบบไหนดีที่สุด...ระหว่างการเจาะบาดาลกับการขุดบ่อดินสร้างธนาคารน้ำไว้ใต้ดิน(แบบปิด)..ซึ่งผลคือใบไม้ใบหมายเลข 3  เป็นใบใหญ่กว่าสวยกว่า หมายเลข2   ซึ่งตามความเป็นจริงการปลูกโกโก้นั้นเขาปลูกในพิ้นที่แห้งแล้งการเจาะบาดาลนั้นเหมาะที่สุด....เพราะการทำพื้นที่ชุ่มน้ำกักเก็บน้ำ...ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี.ดินโดยรอบจึงจะมีความชุ่มชื่นเต็มที่(ตามที่ดูคลิป) เกล้าฯก็เลยแนะนำให้เจาะน้ำบาดาล..ทำระบบน้ำหยด ถ้าไม่อยากให้ต้นโกโก้เติบโตช้า..หรือตายเกลี้ยง...***แต่ภายหลังผู้ถาม..มาขอถามใหม่เรื่องการเจาะบาดาล.กับการทำธนาคารน้ำแบบเปิด(ขุดสระแก้แล้งที่มีความลึก 5 เมตร..จึงเป็นเหตุได้ขุดสระ..และได้ผลดีจริงคือขณะที่พื้นที่โดยรอบแห้งแล้ง..แต่สระที่ขุด.มีน้ำซึม 4 ทิศ ดังภาพด่านล่าง)

***จากเคสทายใบหมายเลข 1 นี้..ก็เป็นอุทาหรณ์..ได้ฉุกคิดว่าคำพยากรณ์ไม่ได้แม่นยำเสมอไป..เกล้าฯบอกให้ท่านพยายามหา...แต่ท่านไม่หาเลยและไปเจอโดยบังเอิญ.....
นั้นเป็นเรื่องบุญกุศลของท่านแล้วขอรับ...

****ที่ให้ท่านหา 8   ครั้ง เพราะมีสถิติ..ของเกล้าฯนี้แหละ..เคยเสี่ยงทาย..หาคลีนิก.ดูแลฟันพุ.รักษาเหงือก..ต้อง หาถึง 8 คลีนิกฯโน้นขอรับ..เขาถึงทำให้..โดยส่วนใหญ่เขาจะปิดทำการ..หรือถอนฟันได้อย่างเดียว  .ไปโรงพยาบาล..ก็ปิดทำฟันเร็วหรือฯลฯ..(เพราะเสี่ยงทายได้ใบที่ดีแต่มีแมลงไต่ด้านหลังใบไม้ขอรับ...แต่แตกต่างนิดหนึ่งใบของเกล้าฯ..มีเพลี้ยกัดกินใบแต่ไม่มีรูขาด..)..

***หากจะเป็นลูกหลวงพ่อใหญ่  วัดโพธาราม บ.ท่าไคร้ อ.เมือง จ.บึงกาฬ..
ให้จุดธูป 3 ดอกอฐิษฐานหน้าโบสถ์
..(ผู้หญิงมีข้อห้ามไม่ให้เข้าไปในส่วนที่พระสงฆ์ทำพิธีลงอุโบสถ.หรือพิธีต่างในโบสถ์.ถือเป็นข้อห้ามมีมาแต่โบราณ)
....แต่ผู้ชายก็ต้องอฐิษฐานหน้าโบสถ์..อยู่ดีเพราะมีที่จุดธุปหน้าโบสถ์.ที่เดียว..ฉะนั้นท่านจะไปที่วัดหรือจะอฐิษฐานที่บ้านก็ไม่ต่างกัน...เพราะถ้าอยากให้คำอฐิษฐานสัมฤทธิ์ผลเหมือนกันก็ตั้งจิตตั้งใจอฐิษฐาน...

ตั้งนะ โม 3 จบ

คำบูชา นี้สำคัญมากผูข้าปราบผีกะคำบูชาหลวงพ่อพระใหญ่เด้อ สาธุ ให้ผูข้าตายภายใน 3 วัน 7 วันโลด คันจาบ่มีคำจริง..
ให้ฟ้าผ่าตาย อิมัง สัจจะ วาจัง อฐิษฐามิ ทุติยัมปิ อิมัง สัจจะวาจัง อฐิษฐามิ ตะติยัมปิ อิมัง สัจจะวาจัง อฐิษฐามิ(คาถาพระร่วงวาจาสิทธิ์)..**
หรือใครจะขอเป็นลูกหลวงพ่อใหญ่..กะอฐิษฐานตามภาพที่นำมาลงเลย.
คือกล่าวในใจ..ทำจิตให้มีสมาธิ..แล้วกล่าวดังนี้..,
***คำบูชาหลวงพ่อพระใหญ่***
อิมินา สักกาเรนะ ตังพุทธัง อภิปูชะยามะ
อิมินา สักกาเรนะ ตังธัมมัง อภิปูชะยามะ
อิมินา สักกาเรนะ ตังสังฆัง อภิปูชะยามะ
(กล่าว 3 ครั้ง )
ให้ปักธูป 3 ดอก ที่หิ้งพระหรือกระถางธูป.ที่บ้าน..ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปวัด
(เว้นแต่ท่านสะดวก)...หรือถ้าหากไปได้..ก็พยายามจำองค์พระให้ติดตา..เดินไปไหนมาไหน..4 อริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน นึกได้ตลอด.จะขยายให้ใหญ่ให้เล็ก..หรือหลายองค์.ท่านก็สามารถระลึกได้..ทำได้ทุกเมื่อ.ระลึกเมื่อไหร่ก็เกิดอุคหนิมิตภาพติดตา.เมื่อนั้น
ถ้าหากทำได้..ท่านจึงจะปราบผีได้...(แต่ต้องกล่าวคำขอขมา ขออนุญาต..ก่อนที่จะทำตามคำกล่าวมา..ขอรับ)


****ในการขอเป็นลูกหลวงพ่อพระใหญ่..นั้นโดยส่วนตัวเกล้ากระผม จุดธุป 16 ดอก..ที่กล่าว ว่า 3 ดอก นั้นเขียนตามจารีตประเพณีไทย
...เน้นว่า ..บอกเทพยดาทั่วโลกธาตุ ทั่วจักวาล อนันตจักรวาล ให้รับรู้ 


***เคล็ดลับ..ถ้าหากดูตอนใบสด ไม่เข้าใจ..ให้ทื้งใว้หนึ่งคืน..เวลาแห้งถ้าเป็นใบดี..ใบไม้ก็จะขึ้นรูป..โกบเข้า..แอ่นเข้า..เป็นเรือกีบ..(แต่ความเป็นจริงเด็ดตอนไหน..ก็ทายตอนนั้น..ถ้าใบดีเสมอกัน.ให้ดูที่ใบแก่กว่า หรือใบโตกว่า..อันนี้คือเคล็ดจริงๆ.ขอรับ.)

***ให้ดูความโตกว่า แก่กว่า..อ่อนกว่า
ขั่วขาด...ปลายหัก...ร่วมด้วยขอรับ เพื่อพิสูจน์มากกว่าหนึ่งเหตุการณ์ ดีร้าย อย่างไร ขอรับ

การดูใบไม้จะจริงจะเท็จท่านทั้งหลายที่เคารพ..ก็อย่ารีบเชื่อ...ต้องฝึกทดลองเก็บสถิติเอง.ขอรับ...ขนาดผลมะม่วงต้นเดียวกันที่หล่นลงพื้น.เวลาถูกพายุ...ยังแยกเป็นผลสุกมีกลิ่นหอม..ผลห่าม..ผลอ่อน..และผลที่มีหนอนผีเสื้อซอนไซ...ผู้ที่อ่านและนำไปใช้จะได้ผลเหมือนกันได้อย่างไร..ขอรับ..


***ยาทิสัง  วะปะเตพีชัง  ตาทิสัง ละภะเตผะลัง  กัลยาณการี  กัลยาณัง ปาปะการี จะ ปาปะกัง   บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้นผู้ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี  ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว***พุทธภาษิต
*------*******----****


21 เมษายน 2563
***ให้ท่านที่เคารพทุกๆท่าน..ได้โปรดพิจารณา..ข้อความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวตรัสกับพระเจ้าประเสนทิโกศลดัง..นี้.ท่านก็จะทราบจริงเท็จ..แห่งข้อเขียนของเกล้ากระผมทั้งหมด..

 ***สมัยหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล..ได้ส่งจารบุรุษไปสืบราชการลับยังแคว้นต่างๆ..ถ้าหากทุกวันนี้อาจเทียบได้กับหน่วยKGB.ของรัสเซียปัจจุบัน...แต่ในครั้งนั้นพระองค์ได้ให้ทุกคนแต่งตัวปลอมเป็นนักบวชดูน่าเลื่อมไส..ของนิกายต่างๆ..แต่พอครั้น..นักบวชจารบุรุษเดินผ่านตรงที่พระเจ้าปเสนทิโกศลและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ พระเจ้าปเสนทิโกศลอยากจะทดสอบว่า.พระพุทธเจ้าจะทราบไหมว่าเป็นนักบวชปลอม..?
..พระเจ้าปเสนทิโกศล..จึงแสดงความเคารพต่อนักบวชเหล่านั้นด้วยความนอบน้อม..พร้อมกล่าวประกาศ..นามและโคตร..ของพระองค์...3 ครั้ง.ว่า
ข้าพเจ้าคือพระเจ้าปเสนทิโกศล.....พร้อมกับหันมาตรัสถามพระตถาคตว่า...

พระเจ้าปเสนทิโกศล=ข้าแต่พระตถาคตเจ้า นักบวชเหล่านั้นจะต้องมีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง..บรรลุเป็นอรหันต์เป็นแน่แท้..พระพุทธเจ้าข้า

***ฝ่ายพระพุทธเจ้ามิได้ตรัสรับรองและปฏิเสธ..คำกล่าวของพระเจ้าปเสนทิโกศล...แต่พระพุทธองค์..ทรงแสดงข้อความอันลึกซึ้งว่า

พระตถาคต=ดูก่อนมหาบพิตร..การที่เราจะรู้ความเป็นไปของผู้หนึ่งผู้ใดในโลกนี้มิใช่เป็นของรู้.ได้โดยง่าย...เราจะรู้ความฉลาดของคนจะพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา..เราจะรู้ปัญญาของคน.เราจะพึงรู้ได้ด้วยการงาน...เราจะรู้ความกล้าหาญและเรี่ยวแรงของคน เราจะพึงรู้ได้ในคราวเขาตกอยู่ในห้วงแห่งอันตราย...แต่เราจะรู้ว่าบุคคลอื่นเป็นเช่นไร..เราจะต้องอยู่ร่วมกันโดยใช้โยนิโสและมนสิการ.คือใช้ปัญญาสอดส่องตรวจตราเราถึงจะรู้ได้..ถ้าไม่หมั่นสังเกตก็มิอาจรู้ได้

***ฝ่ายพระเจ้าปเสนทิโกศล..เห็นจริงตามคำกล่าวของพระพุทธองค์...จึงกล่าวว่า...ข้าแต่พระตถาคตเจ้า..แท้จริงแล้วนักบวชเหล่านั้นเป็นเพียงจารบุรุษที่ข้าพระองค์ได้ส่งไปสอดแนมสืบข่าวยังแคว้นต่างๆพระพุทธเจ้าข้า***
....อ้างอิง..ธรรมะบรรยาย.ของท่าน อ.วศิน อินทสระ

..นั้นแลเป็นการยากที่เราจะรู้ว่าข้อมูลที่ปรากฎผ่านสื่อต่างๆ..ว่าจริงหรือเท็จ...แม้แต่คำกล่าวของเกล้ากระผม..ก็เช่นกัน.เว้นแต่มีคลิปภาพประกอบ..แต่ถ้าเป็นเพียงแต่ภาพนิ่ง..หรือเรื่องเล่าก็ชวนให้คิดว่าเป็นการกล่าวบิดเบือน..ตัดต่อต่างๆนานา..นี้แล..เกล้ากระผมไม่ใช่บรรพชิต...เป็นเพียงอุบาสกผู้ระลึกถึงศีล5 วันละหลายครั้ง.ถ้าหากพลั้งเผลอเมื่อไหร่..ก็รีบสมาทานใหม่เมื่อนั้น..**.กรรมฐาน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้เอง ศีล แปลว่า ปรกติ ไม่ต้องไปรับกับพระวัดไหนเลย ปรกติเอามาจากไหน ได้จากมีสติระลึกก่อน ทำอะไรก็มีสติ(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)(อ้างอิง.หนังสือธรรมะชุด แสงธรรมนำชีวิต).หรือ.**.ศีล...สมาธิ..ปัญญา..ผู้ทำน้อยย่อมเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์...ผู้ขยันและทำจริงเข้าสู่พระนิพพาน(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)..อ้างอิง*มุตโตทัย*

***สาเหตุที่ต้องระลึกถึงศีลวันละหลายครั้ง..เพราะสติยังอ่อน..เพราะอกุศลจิตมาได้สามทาง.**.บางทีเราไม่ได้ทำบาปทางกาย ทางวาจาเราก็ยังทำบาปอยู่ บางทีเราไม่ได้ทำบาปทางวาจา..แต่ทางใจเราก็ยังทำบาปอยู่(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
..
อนึ่ง..ในการเผยแพร่ธรรมผ่านภาพถ่าย...จะมีบางภาพในบทความอื่นซึ่งถ่ายติดพญานาค...ท่านผู้อ่านที่เคารพ..จะต้องใช้วิจารณญานเอาเอง..นะขอรับ.ว่าท่านจะคิดเช่นใด....แต่ในส่วนตัวของเกล้ากระผมลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเถระ..ขอกล่าวโดยอ้างเอาฟ้าดินเป็นพยาน..ว่าเป็นสัจจริง เป็นจริง..แม้นไม่มีใครเชื่อตามก็ไม่เดือดร้อนอะไร..เป็นแต่เพียงเขียนไว้ให้โลกรู้เท่านั้น..

   *****วิธีเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นเถระก็ง่ายนิดเดียว...ตั้งโต๊ะบูชา..พวงมาลัยมะลิ หนึ่งพวงใหญ่....กล่าวกราบบูชาพระรัตนตรัย...สัคเคเทวดา..สวดธัมจักกัปวัตนสูตร..แผ่เมตตา..แล้วกล่าวอฐิษฐานเลย...
       *****สาธุ สาธุ สาธุเด้อ..ผูข้าศักศรณ์ สุวรรณ์ ลูกแม่สรวงลูกพ่อคำผิว ผูข้า..มาขอเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น นำจักคนแหน่ขะหน่อย...สาธุ สาธุ สาธุ..ขอผูข้าได้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นด้วยเทอญ**
          คือในวันที่เกล้าฯทำพิธีเกล้าฯก็ร้องขอทั้งน้ำตานะขอรับ..เพราะการที่ผู้ใดจะได้เป็นลูกศิษย์ท่านมิใช่จะเป็นได้โดยง่าย..เกล้าฯก็ได้แต่กราบร้องขอและวิงวอนเท่านั้น....การที่เขียนอ้างว่าตนเองเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นเถระ...ก็เป็นแต่เพียงข้อเขียนเท่านั้น...แต่ในทางเป็นจริงท่านก็ยังไม่เอ่ยว่าเรา..รับเธอเป็นศิษย์แล้ว..ก็ยังไม่เคยได้ยินคำนี้หรอก..ขอรับ


                                    ลูกหลานหลวงพ่อใหญ่  เรียบเรียง
25 เมษายน 2563
   *** 

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย 

ซึ่งได้บันทึกไว้ได้เป็นขั้นเป็นตอนตามหลักคำสอนของพระกรรมฐานพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เกล้ากระผมขออนุญาตนำมาอธิบายเป็นย่อสั้นเพื่อเผยแพร่..แต่สังเขปดังนี้

1.ถ้าหากผู้ฝึกปฏิบัติเพียงแต่พิจารณา พุทโธ หายใจเข้าออกจนรู้ว่าพุทโธ อยู่ที่ไหน แสดงท่านสำเร็จ สมถะ

หรือกำหนดยุบหนอ พองหนอ จนรู้อาการของยุบหนอพอหนอ..แสดงว่าท่านสำเร็จ สมถะ

หรือ ถ้าหากท่านได้พิจารณากาย แยกแยะธาตุขันธ์ เป็นอสุภะอสุพังคือพังลงเป็นของน่ารังเกียจ.เหลือแต่กระดูก..เป็นไปเอง ถ้าท่านทำได้เช่นนี้ แสดงว่าท่านสำเร็จสมถะ หรือ

2. ถ้าท่านได้เห็นอสุภะอสุพังแล้ว. กระดูกได้พังลงแล้ว ท่านได้พิจารณาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จนเห็นไตรลักษณ์..คืออาการ 3 อย่างคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว.อย่างนี้ถือว่าท่านสำเร็จวิปัสสนา

         ***อ้างอิงบันทึกหลวงพ่อพุธ.ฐานิโย.หนังสือประวัติหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล..ขอรับ

***

   ปกิณกะธรรม *****หลวงปูกงมา จิรปุญโญ  ต้องมาเร่งท่องพระปาฏิโมกข์ให้จำได้หมด ภายใน 1 เดือน มิฉะนั้นหลวงปู่มั่น จะมิรับเป็นศิษย์(อ้างอิงหนังสือการสร้างพระหยกอยู่ส่วนประวัติหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร..ซึ่งเล่าถึงการออกเดินธุดงค์รับใช้หลวงปู่กงมา ไปในที่ต่างๆจนเป็นเหตุ..ใด้อุปปัฏฐาก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)




             ...ลูกศิษย์พระวัดป่า เรียบเรียง


28 เมษายน 2563

      
ปู่องค์อินทร์หรือท่านท้าวสักกะ สถานที่ถ่ายภาพ.ปากซอยถนนรามคำแหง60

คำบูชา

อยู่กลางเกาะถนน
***วันนี้เกล้ากระผม..ไปทำพิธีสักการะถวายเครื่องพลีกรรม..พร้อมสวดจุลไชยมงคลคาถา และพาหุง ถวายองค์ท่าน...พร้อมบรวงสรวงกราบอาราธนาท่าน..ได้โปรดไปทำความสวัสดีดิถีฤกษ์..แก่ผู้ได้นำวิชาเด็ดใบไม้..ไปใช้เองหรือตรวจดูช่วยผู้อื่น...เพื่อส่องป้ายทางของชีวิต...มนุษย์ทุกคน..บางครั้งย่อมสับสนในชีวิต...แต่ถ้าหากมีใครสักคนมาชี้ทาง..ว่าท่านต้องเดินตามป้ายนี้นะ...เส้นทางนั้นอย่าไปเลย..เพราะตามตำแหน่งป้าย.มีกาลีแมลงกัดกิน...มันคือวิชาเสี่ยงทาย หลับตาเด็ดใบไม้...เคล็ดสำคัญ..ควรเลือกใบไม้ที่มีแมลงลงกัดกินก้ำกึ่ง...เพราะจะเป็นแผนที่..ชี้ทิศชี้ทาง..ได้ง่าย...
ตัวอย่าง...หากจะเจาะบาดาลกับขุดสระ อย่างไหนจะดีกว่ากัน?

ใบนี้แทน เจาะบาดาล(หากสังเกตจะมีรอย)

ใบนี้แทนขุดสระซึ่งสมบูรณ์กว่า..***เกล้า ผูข้าจึงพยากรณ์ว่าให้ทำการขุดสระ..แต่ก่อนลงมือขุดให้จุดธูป 16 ดอก บอกเจ้าที่ด้วย..จะเจริญรุ่งเรืองแน่นอน.(ก่อนครอบครัวนี้มาปรึกษาเคยฝันว่าที่ไร่ของเขาตรงจุดใต้ตอมีพญานาค..)*.**

เมื่อรู้ว่าจะดีเจ้าของไร่ก็เลิกล้มการเจาะบาดาล.ซึ่งโดยรวมก็ใช้ทุนเท่าๆกัน..และดีใจเพิ่มขึ้นที่จะมีที่เลี้ยงปลา..ในวันที่ 27 เมษา จึงจ้างรถมาขุด

***ผลคือเกิดขุดเจอน้ำผุด สี่ทิศ ใน 4 มุมของสระ ต้องใช้เครื่องสูบน้ำออก จึงจะขุดได้แล้วเสร็จ
มีเรื่องน่าดีใจสำหรับเจ้าของสระดังนี้
1.เจ้าของรถพ่อเลี้ยงเกิดหลงลืม..คิวในการจัดลำดับการจองขุดสระ...ไปหลงตกปากรับคำกับเจ้าของสระ..เป็นเหตุให้ต้องแทรกคิวลงไป....ทั้งที่ไม่มีตารางว่าง..(ในส่วนนี้เจ้าของสระเชื่อในเรื่องการสวดมนต์ไหว้พระที่ทำเป็นประจำ..คือหลังสวดมนต์จะแผ่บุญให้ท่านเจ้าที่ทุ่งไร่ตะวันตก.ทุ่งไร่ตะวันออกและทุ่งไร่แพะ..คือมีที่ทำกินที่ไหนแผ่ให้หมด.)
2.ในวันไปขุดสระ..เกิดมีฝนตกทำให้น้ำแฉะ..รถขนดินรอบสระเข้าไม่ได้ทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้ 8 พันบาท
3.ขุดเจอตำแหน่งน้ำซึมน้ำซับซึ่
ในอดีตเป็นที่นอนโคลนเล่นปักของควายเก่า.บวกควาย(ภาษาอีสาน)แต่เจ้าของหลงลืม
3.หลังจากขุดเสร็จเจ้าของสระได้สังเกตระดัยน้ำประมาณ ครึ่งเอว..แต่เพื่อป้องกันภัยแล้งจึงขุดลึกประมาณ 5 เมตรทำระบบผันน้ำเข้าสระ..คือขุดรอกแหล่งน้ำที่มีน้ำตลอดปี..แล้วต่อท่อเข้าสระ(สระนี้ขุดลึกประมาณ 5 เมตร ขึดได้เพียงวันเดียว  ได้น้ำครึ่งเอว(เป็นทางน้ำเก่า เขาคิดหมื่นห้า)

***วิทยาศาสตร์การเกษตร..มีแหล่งเรียนรู้..ท่านผู้นั้นก็เรียนรู้ในทางธรณีวิทยา.เกี่ยวกับการทำดาวซิ่ง..การหาพิกัดน้ำไหลและสื่อโชเชียลการเกษตรธนาคารน้ำแบบปิด..และธนาคารน้ำแบบเปิด(ขุดสระ)ทุกอย่างแต่บางทีเขาก็สับสน...และอยากสอบถามเพราะคุ้นเคยกันดีหรือ.อาจเพราะครอบครัวเขาเคยเกิดเรื่องแปลกประหลาดเงินสูญหายจากกระเป๋าร่วมหมื่นขณะเตรียมตัวจะเข้าตัวเมือง..ก็เลยโทรมาถาม.เกล้าฯก็เสี่ยงวัดนิ้วดู...ก็ตอบว่าของยังไม่หาย.ให้ไปหาที่บ้าน...เขาก็กลับไปหาที่บ้าน..ก็ไม่เจอ..เมื่อวัวหายจึงทำการล้อมคอก..คือไปซื้อกล้องวงจรปิด..เพื่อมาจับคนร้าย..สุดท้ายผ่านไปครึ่งเดือนกลับพบเจอเงินในกระเป๋าหลักหมื่น อยู่ในกระเป๋า เหมือนเดิม.ที่บ้านเหมือนเดิม...
***ที่ว่าแปลก..แปลกตรงที่กระเป๋านั้นได้ทำการเทออกมาหมด..ค้นหาทุกตารางทุกๆด้าน..กระเป๋าใบเล็กค้นหาจนมึนงง..เวลาเจอก็เจอในกระเป๋าใบเล็กๆใบนั้น.มันเป็นไปได้อย่างไร..สมาชิกในครอบครัวมีแค่สามีภรรยา...ต้องหาซื้อกล้องจับโจร..ก็ไม่พบว่ามีสักโจร...ย่องเหยียบเอาเงินมาคืน...ท่านไปหาหมอธรรมทางเหนือ..เขาก็วัดไม้ทายว่าเงินไม่สูญหาย
หรือ...อาจจะเป็นตอนย้ายศาลเจ้าที่ท่านก็ไปหาหมอธรรมทางเหนืออีกเหมือนเดิม...แต่ท่านก็ไม่แจ้งแก่เกล้าฯ...เกล้ากระผมก็เลยให้ฝ่ายภรรยานึกมา 3 สถานที่..ส่วนตัวเกล้าฯ..วัดนิ้วตรวจที่กรุงเทพฯ..ผลปรากฎเป็นสถานที่เดียวกัน..กับท่านหมอธรรมทางเมืองเหนือวัดไม้.บอกล่วงหน้า....
***บางทีสถิติที่ตรงกับ..และตรงกัน..ก็อาจสร้างความเชื่อถือ..ให้กับผู้อื่นได้เหมือนกัน....

***วิชาวัดไม้ในส่วนตัวของตัวผูข้า.เกล้ากระผมบ่เคยเห็น..แต่รู้จักใกล้ชิดกับคนทำเป็นชนิดหายใจเกือบรดต้นคอ(คือนวดอุปปัฏฐากเจ้าของวิชา)..ท่านผุ้นั้นก็คือหลวงปู่จันทร์ อรรคธัมโม.อาจารย์บังเกิดเกล้าของเกล้าของเกล้ากระผมที่แนะนำให้..เกล้าฯไปเรียนหมอดูวิชาอาคมกับหลานท่านที่ ยโสธร อาจารย์สถิต พระแท่น นี้แหละ 
***แต่ตอนหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า.มีสถานที่แห่งหนึ่งมีอถรรย์มาก.ใครจะไปหักร้างถางพง เป็นต้องเจ็บตายล้มหายตายจาก..ท่านไปถามผีท่านก็ใช้วิชาวัดไม้นี้แหละ แต่ตอนนั้นเกล้าฯฟังก็แค่นึกว่าแปลกดี..พลันนึกในใจว่ามันเป็นไปได้จริงๆหรือ?..ครั้นหลวงปู่จันทร์ ล้มหายตายจาก...มีพ่อใหญ่จ่อยคนข้างบ้านมาเล่าให้ฟัง..ว่าเคยเห็นแต่หมอธรรมวัดไม้..วัดนิ้วไม่เคยเห็น..เกล้าฯก็เพิ่มความเชื่อให้กับหมอวัดไม้คงมีตัวตนจริงๆ.แล้วหละ..คือวัดไปไม้ได้ยืดออก...วัดอีกที..ไม้ได้หดเข้า...
วิชาวัดนิ้วของเกล้ากระผมก็มีที่มาจากวิชาวัดไม้..นั้นแหละขอรับ..แต่เกล้ากระผมไม่สามารถวัดไม้..ให้ยืดให้หดได้เคยทดลองแล้ว...แต่วัดนิ้วหละจะเป็นเช่นใด?(.ผู้ที่ได้เห็นก็คือคนที่ใกล้ชิดกันจริงๆนั้นแหละขอรับจึงจะทำให้ดู)..แต่วิชาวัดไม้นี้ยังเป็นเรื่องแปลกสำหรับเกล้าฯเสมอ...ขอรับ


เมื่อหลายปีก่อนเคยเป็นหมอตามหมู่บ้าน.อายุ 20 กว่าปีนี้แหละขอรับ.เคยเรียกเก็บค่าครูตามใจนึก..ทายตามเขาว่า..ทายตามตำรา.พอได้เงินมาไม่ถึง 200 หรอกขอรับ..รู้สึกไม่สบายใจ..
ว่าเอ๋เราทายเขาแม่นไหมหนอ?
ทายตรงไหม?..มันจะเป็นไหม.? ถ้าเราทายว่า เขาจะมีเคราะห์แล้วมันไม่เป็นอย่างนั้น....รู้สึกเครียด..แทนที่จะดีใจว่าหาเงินง่ายจัง..กลับเครียด.
(..เพราะเคยได้ยินได้ฟังมาว่าในอดีตก็มีเรื่องเล่าว่า..พระสารีบุตรทายว่าสามเณรมีเคราะห์...อาจตายภายใน 7 วัน แต่สามเณรไม่ตาย..เพราะในระหว่าง 7 วันนั้น สามเณรเดินทางกลับบ้านร้องห่มร้องให้ที่ตนเองจะค้องตาย..แต่เผอิญ.ว่าในระหว่างทางได้เจอพวกปลาเต่ากำลังจะตายแล้ง..จึงเอาไปปล่อยจึงเกิดอานิสงค์.ไม่ตายใน 7..วันนั้น)
และเกล้าฯทายแล้วก็ไม่สบายใจ
จึงเอาเงินที่ได้มาทั้งหมดใส่ซองไปถวายคูบาบัณฑิต(พระอาจารย์ในครั้งนั้นเรียกคูบา)พระเจ้าอาวาสที่วัดป่าหนองนกเขียน.....ต่อมาก็เคยเป็นหมอดูแต่เป็นการทำนอกเวลางานหลักซึ่งก็ทำบ้างเป็นบางครั้ง..สาเหตุมีคนมาขอให้ทาย
..และล่าสุดนานพอสมควรเคยเป็นหมอดูวัดมหาบุศย์(แม่นาคพระโขนง) แต่เป็นได้สักพักก็เลิกเพราะค้นพบว่าไม่ถูกจริตตนเอง..ชื่อร้านหมอวิชาวัดนิ้วเหนือโลก..แต่ทุกวันนี้น้อยครั้งมากจะพยากรณ์ผู้ใด(เว้นแต่เขาทุกข์ร้อนใจ)..เป็นการตัดตัดลาภปลิโพธ*(คือเลิกคิดหาเงินเกี่ยวกับหมอดู..)*หรืออาจเพราะที่ได้ไปเป็นไปทำก็อาจมีบุญกรรมกับแม่นาคนี้แหละ..ขอรับ..เพราะแทนที่จะไปเป็นหมอดูเฉยๆ กลับไปทำพิธีถอดถอนนางนาค...แต่ผู้ใดกล้าล่วงเกินสถานที่ที่มีอาถรรย์...ผู้นั้นย่อมประสบเหตุ...***เกล้ากระผมก็ทำไปด้วยความปรารถนาดีต่อเจ้าของบ้านเพิงพักข้างศาล ทำให้ด้วยจิตเมตตา..***แต่ผลคือมีวันหนึ่งเกิดเหตุฝนตกหนัก..เกล้าฯมิสามารถหลบฝนได้เลย..เป็นแต่เพียงไปนั่งตากฝน...บนรถมอเตอร์ไชด์ของตัวเอง.****วันนั้นฝนตกเหมือนฟ้ารั่ว เกล้าฯเองถูกฝนจนเปียกปอน 6 ปีผ่านมาแล้ว..ขอรับ
***
    ปกติเกล้ากระผมมิกล้าเล่าให้ใครฟังความชั่วที่ได้ไปบังอาจหลบหลู่แม่นาคพระโขนงหรอก..ขอรับ..เผอิญ.ตาลุงปุ่นข้างศาล..ปวดเนื้อปวดตัวไม่ทราบสาเหตุ....จึงมีเหตุแห่งกรรม...ให้ได้ทำไปคือสวดธรรมจักร และกล่าวคาถา..ให้ผู้อาศัยเจริญรุ่งเรือง..ขอรับ


****ในอดีตตอนอายุ 15 ย่าง 16.เคยจากอุบลฯมาเที่ยววัดต้นไทรย์กรุงเทพฯ(ตามจริงมาหาสอบเทคนิคฯแต่สอบไม่ได้..เลยกลับไปเรียนอุบลฯเหมือนเดิม)

วรรค...เพื่อพิทักษ์เพื่อสันติ

..นอนหลับๆ...เกืดฝันประหลาดว่า...มีผู้หญิงสาวสวยนางหนึ่งมาร้องด้วยเสียงอันเยือกเย็นว่า
***พี่มากขาาาาา...****
ตอนนั้น..ผูข้าย้าน...คือรู้สึกหวาดกลัวมาก..จนไม่รู้จะเอาความกลัวไปวางไว้ตรงไหน..ได้แต่นอนคุดคู้สั่นเทาด้วยความกลัว...ที่สำคัญหญิงผู้นั้น..อุ้มลูกที่กำลังแบเบาะมาด้วย...

ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องวัดมหาบุศย์...พึ่งมาจากเมืองชายขอบ(ช่องเม็กลาว..คืออุบลฯติดลาว)
...เรื่องนี้..ตอนเช้าเล่าให้ศิษย์วัดรุ่นพี่คนหนึ่งฟัง...และเล่าให้ฟังแค่คนเดียวรับรู้เท่านั้น...ผ่านมาอีก 17 ปีจึงเล่าให้หมอดูไพ่ยีปซี  ในวัดมหาบุศย์ฟัง..เพราะตอนนั้นเกล้าฯไปให้แม่หมอพยากรณ์..คืออยากรู้ว่าเขาจะแม่นไหม?คือล้วงวิชาครูพักลักจำก็ว่าได้....
แม่หมอให้ความเห็นว่า..***
เป็นคาแรคเตอร์ของแม่นาค..เฉยๆ...เวลาท่านแม่นาคจะหลอกใครก็จะเอ่ยคำนี้...ซึ่งเกล้าฯก็เห็นด้วย..เพราะตามที่ปรากฎในหนังก็เป็นเช่นนั้น.....จึงไม่ได้ติดใจ..และสำคัญตนว่าคือพ่อมากในอดีตชาติมาเกิดแต่อย่างใด.....
***
แต่ที่ขำ.คือพี่ลู..(ศีษย์พี่วัดต้นไทรย์)
ได้โพร่งออกมาด้วยเสียงอันดัง...เมื่อฟังเรื่องเล่าจบคือ
*** บ่แมนมึงเป็นบักทิดมากกลับชาติมาเกิดบ้อ!!!
ซึ่งเกล้าฯก็ได้แต่หัวขวน(ขำหนักมาก)

**
ลูกหลานหลวงพ่อพระใหญ่ ..เรืยบเรียง

***-***********
ถาม.เรื่องโยนไข่...สูง.ระดับตึก 4 ชั้น ปลายยอดไม้จามจุรี  ทำไมไข่ ไม่แตก หมด
ตอบ..สภาพดินเป็นทุ่งนา(มีดินทรายปน)..แต่ถ้าหาก..เป็นคอนกรีต...น่าจะแตกหมด

**จะรู้ได้อย่างไรใครถูกผีปอบเข้าสิง**หากมีคนมาถามเรื่องผีปอบ...ก็จะโยนไข่เสี่ยงทาย...หากไข่ไม่แตกเลย...แสดงว่า...ผู้นั่นถูกปอบเข้าสิง***

ถาม..ที่ว่าปราบผี...ปราบผีจริงหรือ?
ตอบ...ไม่ได้ปราบจริงหรอก...และไม่ได้ตั้งใจปราบด้วย...ถ้าหากตั้งใจปราบ...จะไปกล่าว...ขอขมา..ที่เชิงตะกอน..หรือขอรับ?  เป็นแต่เพียงมีเหตุ...,ได้แผ่ส่วนบุญ..ให้ท่านพระคุณเจ้า...้ก็ด้วยเหตุ..ตอนกลางคืน...ที่หน้าวัดมีค้างคาว..ฝูงใหญ่บินออกจากต้นไม้โพธิ์ข้างศาล...ก็เลยอุทานในใจ...คืนนี้สงสัย อาจโดนผีหลอก...นั้นคือสาเหตุ ..ขอรับ &