ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คาถาอาราธนาพระของหลวงพ่อปาน โสนันโท

เวทมนตร์อาราธนาพระ<หรือคาถาปลุกพระ..หลวงพ่อปาน..ว่าดังนี้
นะคะโมตัสสะภะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ<ว่า 3จบ>
โอม อิทธิฤทธิ พุทธนิมิตรตังค์ขอเดชะเดชาติ
ขอเดชเดชจงจงมาเป็นที่พึ่ง..แก่มะอะอุขนาดใหญ่ด้วยเถิด


วัดบางนมโค<วัดหลวงพ่อปาน> อ. เสนาจ. พระนครศรีอยุธยา

ต้นไม้ลานวัดบางปลาหมออ. บางคลานจ. พระนครศรีอยุทธยา


13 ตุลาคม 2563

วัดพระแก้ว. หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม .......

ริวิวภาพ 12 ตุลาคม 2563
..













 ...cut. 
ริวิววัดบ้านหนองกอกต. โคกกลางอ. ประทาย. นครราชสีมา
พระอาจารย์สงสุภัทโท (พระอาจารย์เกล้าฯ)
พระอาจารย์ออมสินกับพี่ตั๊ก ... ตามภาพ. ประชาชนมาปลูกต้นไม้. ที่พี่ตั๊กนำมาจากกรุงเทพฯ ... จำนวนมาก









วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อพระใหญ่บ้านท่าไคร้ พระคู่บ้านคู่เมือง บึงกาฬ


                              ภาพ...เรือนธรรมแสงทาง แห่ง ปัญญา.


               .หลายๆท่าน..ที่พลัดหลง..เข้ามาอ่าน.."เรือนธรรมแสงทาง ส่อง  ปัญญา"..อาจจะสงสัยอยู่ว่า..เหตุใด...ถึงมีแต่เรื่องพญานาค..เป็นหลักหนอ.....ไม่เห็นจะมี...เรือนธรรม  เลย

.....วันนี้เกล้าฯ..เลยยกที่มา...ของชื่อ..มาลงใว้ขอรับ....เป็นเรือนของเกล้าฯ..เอง
ทำหน้าที่เผยแพร่ธรรมะ..ให้ผู้สัญจร..ผ่านมาใน ในจตุรทิศ(ทิศทั้ง  4)



.......เรือนธรรมแห่ง..นี้...สำเร็จ..ได้ด้วยดี..เพราะมีคุณพ่อคุณแม่..รวมทั้งอาจารย์ ชัชวาล ผลเยี่ยม(ครูผู้ชำนาญ) ร.ร.บ้านนาสวรรค์)..และคณะสหธรรมิก...จากทางกรุงเทพฯ..หลายท่านช่วยสนับสนุนอาทิ

..คุณปภัสนันท์   กาญจนไพบูลย์..และญาติ..คุณสาธิต..โชควนากุล..และเพื่อน

คุณรุ่ง..กิจไธสงค์(ร้านรุ่งช่างทองไทย.โลตัส.ชั้น 1 บางกระปิ)
.
พระจิรวัฒน์ ญานวโร.และหลวงปู่ดี.คัมภีโร.(วัดป่าหนองผักแว่น อ.เสรภูมิ จ.ร้อยเอ็ด)...

และเว็บพลังจิต(ห้องธรรมทาน)..สมาชิกเว็บพลังจิต.และตลอดบุคคลทั่วไปหลายท่าน..ที่มิได้เอ่ยนาม...
......ทุกวันนี้...เป็น..ห้องสมุดธรรมะเพื่อประชาชน.และ ..ศูนย์เรียนรู้ชุมชน(กศน).ของตำบลนาสวรรค์..สมเจตนา..ของทุกท่านที่บริจาคหนังสือมาร่วมบุญ...ขอรับ



สถานที่..ตำบลนาสวรรค์..จังหวัดบึงกาฬ...

1.ภาพประธาน..หลวงปู่ศุข  วัดปากคลองมะขามเฒ่า...จ.ชัยนาท.
.(เวลาจิตตื่นกลัว.ในสถานที่อันวังเวง.ก็จะภาวนาคาถา..หลวงปู่ศุข ท่านจึงเป็นพระอาจารย์ที่อยู่ในจิตในใจ...เป็นลูกศิษย์..หลวงปู่ศุข.โดยการอฐิษฐานเอา..เพราะองค์หลวงปู่มรณะตั้งแต่เกล้าฯยังไม่เกิด.)

2.ภาพที่มีนักเรียน..เป็นวัน..เปิด..เรือนธรรม..ปี 2550

3.ภาพอธิษฐาน..ทีมงาน..เรือนธรรม...กำลังจะสำรวจ..ป่าช้าผีดุ..วัดป่าหนองผักแว่น..อ.เสรภูมิ..ก็เลย.ขอขมา.สถานที่..ตามติด..ด้วยภาพกลางป่าช้า..ที่รกร้าง

4.ภาพ..บริเวณ..วัดป่าหนองนกเขียน.บ้านหนองตอ..ต.นาสวรรค์.เกล้าฯพา.สหธรรมิก..ไปเที่ยวกุฏิในป่าช้า..ที่ตั้งอยู่กลางป่าอันโดดเดี่ยว..(เกล้าฯเคยมา.วิเวก.สมัยบวชพระ..ครั้งแรก..แต่ทุกวันนี้ กุฏีนี้ได้..ถูกรื้อ..และออกแบบสร้างใหม่..เพื่อปรับภูมิทัศน์...ให้ดูหลีกเร้นยิ่งขึ้น...ล่าสุดปี62เกล้า..ไปสำรวจ...หลังกุฎี..เป็นป่าทึบ..วังเวงน่ากลัวกว่าเดิม หลายเท่า..และที่สำคัญ..ต้นไม้มนเขตวัด..เติบใหญ่สถานที่ ดูน่าเกรงขามกว่าเดิม)

ภาพ..ชาวกรุงเทพฯ.ที่นำหนังสือมาบริจาคเรือนธรรม..ปี2554..นำทีมโดย

1.อากู๋.ผมยาว..กางเกงยีน..เสื้อสีน้ำตาล
2.ภรรยาอากู๋.ใส่ยีน ถือกล้อง..สะพาย..กระเป๋า
3. คุณยาย.ของกุ๋งกิง..ยืนกอดอก
 4.คุณปภัสนันท์ .กาญจนไพบูลย์..เสื้อขาว..กางเกงดำ
5.น้องกุ๋งกิง.(.วัยรุ่น)..เสื้อดำ..กางเกงสีน้ำเงิน

 6..และคุณสาธิต โชควนากุล เสื้อดำ.ขอบขาว..กางเกงยีน.

....ทั้งหมด..กำลังพิจารณา..สถานที่อันสัปปายะ..ในป่าช้า..วัดป่าหนองนกเขียน

ก่อนไปอยู่วัดแห่งนี้..เกล้าฯเคย..กราบเรียน..ท่านเจ้าอาวาสว่า..ถ้าหาก.กระผมได้บวช..จากบ้านนาสวรรค์..แล้วจะมาขออยู่วัดป่า..จะมีกุฎี.ว่างไหมครับ

....เจ้าอาวาสวัดป่าหนองนกเขียน..ถามว่า.โยม.เป็นคนย้านผีบ่
...เกล้าฯตอบว่า..เรื่องผีอย่า..ไปเว้า..ถึงเลยครับ
(ความหมาย..ของผู้ตอบ..กลัวมาก..อย่าได้เอ่ย..คำว่า ผี หรืออย่า พูดถึงเลย

แต่ท่าน เจ้าอาวาส ไม่เข้า ความหมาย คิดว่า ไม่ กลัว

....เจ้าอาวาส...อืมม..

....ก็เลย..จัดให้ไปอยู่..ในป่าช้า..กอปรกับ..กุฏีอื่น..ไม่ว่าง.....จึงเป็นครั้งแรกของชีวิตเลย..ที่ได้ไป..เจริญสมณะธรรม..ในป่าช้า...

ทุกวันนี้..เกล้าฯ..ยังไม่ได้อธิบาย..ให้ท่านเจ้าอาวาสฟังเลย......ว่าเกล้าฯ.นั้น..กลัวมาก...

...แต่ก็อยู่ที่นั้นได้..ครึ่งเดือน..ก่อนจะไปวิเวกติดตาม..พระเถระผู้เป็นพระอาจารย์..ทางโคราช..เพื่อศึกษาข้อวัตร.และ..ปฏิบัติ..ยิ่งๆขึ้นไป...

ที่สามารถอยู่ป่าช้า..ท่ามกลางความกลัวระดับขีดแดง.....มีเคล็ดลับ..ดังนี้..

1.ผูกความเป็นญาติ...กับผี....โดยการ..เอาบุหรี่..ที่ชาวบ้านนำมาถวาย...ตอนออกจากโบสถ์..ในวันบวช....นำไปวางไว้..ณ ที่ใต้ต้นไม้...แล้วกล่าวดังนี้...

   ที่ลูกมาอยู่ที่นี้..ลูกขอเป็นลูก.ในบ้าน.เป็นว่านในสวน.ขอเป็นลูกเป็นหลาน..ลูกมาสร้างบุญ..สร้างกุศล..ขอคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในที่แห่งนี้...ได้โปรดเมตตา..ช่วยรักษาลูกด้วย..ถ้าหากลูกสร้างบุญได้..ก็จะแบ่งปันให้ทุกท่าน..ที่อยู่..ณที่แห่งนี้
.
....พระพุทธเจ้ากล่าวว่าในสังสารวัฏนี้..ยืดยาว..บ่มีผูได๋ดอก..ที่บ่เคยเป็นพี่เป็นน้องกันมาก่อน...
..เทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์.ในที่แห่งนี้..จงช่วยรักษาลูกช้างด้วย..

..ปกติคำว่าลูกช้าง..เกล้าฯ.ก็น้อยครั้งที่จะกล่าวคำนี้....กล่าวเสร็จ..ก็รู้สึกอายผี..เหมือนกัน...แต่เพื่อความเป็น..สมานฉันท์..กับเหล่าภูตผีปีศาจ..จึงจำเป็นต้องเอ่ย...เพราะที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน......ตามคำบอกเล่า.ของเจ้าอาวาส.องค์ก่อนและองค์ปัจจุบัน

คือพูดอะไรก็ได้..ให้ผีทั้งป่าช้ารู้สึกเห็นเป็นภาพ..กันไปเลย..ว่าขณะนี้..ลูกชายในอดีตชาติ..ของพวกเขา..ได้มาอยู่เพื่อเกื้อกูล..มิได้บังอาจ..ที่จะลบหลู่สถานที่..ที่มีอาถรรย์แต่อย่างใด
.......วรรค....
ของที่ให้..คือน้ำใจ..จะมากจะน้อย..ก็ได้..ถ้าไม่มีอะไรเลย..ก็จงกล่าว.แต่.ปิยวาจา.เถิด

วิชานี้..ได้มา..จากหลวงปู่จันทร์.อรรคธัมโม...ผู้ชำนาญทางวิทยาคม... ท่านได้สอนสั่งไว้..สมัยไปเป็นลูกศิษย์หลวงปู่จันทร์..แห่ง..วัดต้นไทรย์..กรุงเทพฯ
ตามภาพอุปสมบทครั้งแรก..ที่วัดบ้านนาสวรรค์  จ.บึงกาฬ-หลวงปู่จันทร์ อัคคธัมโม(ยืนหลังสุด)
 หลวงพ่อสุวิช แห่ง  เป็นหลวงพ่อที่ถูกอุปนิสัยกับเกล้าฯ.และรับใช้ท่านบ้าง.บางโอกาส(หรือรับใช้ท่านเนืองๆ.).แห่งวัดต้นไทรย์ กรุงเทพฯ (ใส่แว่นตา)..**องค์หน้าตาเหมือนคนอินเดีย คือเจ้าอาวาส วัดบ้านหนองกอก เดินทางมาจาก อ.ประทาย มาร่วมงานบวช ลูกศิษย์ผู้เลี้ยงมาแต่เด็ก...ส่วนสองตายาย..เป็นบิดามารดา..เกล้าฯเอง..ขอรับ..
***สาเหตุที่บวช..อยากปฏิบัติธรรม...ทุกครั้งที่บวช..มีเหตุผลเดียว..ขอรับ.***พระอาจารย์ท้้ง 3 รูป เกล้าฯมิได้กล่าวนิมนต์ให้ท่านมา เนื่องด้วยทุกท่านล้วนแต่.อยู่ในวัย.ชราภาพ..ไม่เหมาะแก่การเดินทางไกล.แต่ด้วยความเมตตา..ของท่านทั้ง 3 ที่มีต่อศิษย์.,ท่านจึงเอ่ยปาก.จะมาร่วม.และเกล้าฯจึงกราบอาราธนา.ด้วยความยินดี

2.วิชาที่สอง..คือวิชา..มหาสติปัฏฐานสูตร..หรือ.มหา.สติปัฏฐาน4
ซึ่งมี..กายานุปัสสนา  เวทนานุปัสสนา....จิตตานุปัสสนา..และธรรมานุปัสสนา
.
และอุปกรณ์ทั้งหลายที่ใช้..ว่าด้วยการไม่ส่งจิต..ออกนอก....ให้ส่ง..ไว้ที่กาย..มีสติกำกับ...ยก..ย่าง..เหยียบ...ก็สักแต่ว่ารู้...เหลียวซ้าย.แลขวา.ก็ให้รู้
เท้าที่เหยียบไป..อ่อนนุ่ม..หรือแข็งก็ให้รู้....ฯลฯ
....โชคดี...ที่ก่อนมาอยู่ป่าช้าแห่งนี้..ได้ไปอบรม....ปฏิบัติธรรม....ที่...ธรรมสถานว่องวานิช จ.สมุทรปราการ...

โดย.คณะอาจารย์วิปัสนา.ลูกศิษย์ พระอาจารย์ มานพ อุปสโม..คือ.พระอาจารย์มหาปัญญา. จาก.ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ๘๔ พรรษาราชนครินทร์ อแก่งหางแมว จ.จันทบุรี


3.อฐิษฐาน...เรียกหา..ผีแม่นาคพระโขนง.ชึ่งเป็นผีมีชื่อเสียงระดับประเทศ...และผีที่เฝ้ากุฏิ..ให้ช่วยรักษา

4.ภาวนา..เจริญเมตตา..

5.สวดมนต์..รอบที่สอง..หลังทำวัตรเย็น..ชนิด.จนกว่า..จะมั่นใจ..ว่าปลอดภัย..จึงค่อย..หลับตาเพ่งพิศ..สงบจิต..สำรวมเนตร...(จำวัด)..


    เหตุผล..ที่เรียกหาผีแม่นาค....เพราะเคยฝันเห็นผีแม่นาค.อุ้มไอ้แดง.(หรือพ่อแดง..ก็ได้เพราะแม่นาคตายมานานแล้ว)มาหลอกหลอน....จากครั้งแรก..ก็ขนหัวตั้งทางความฝัน.หลายครั้ง..
ทุกๆครั้งก็กลัวหัวใจแทบหยุดเต้น

.แต่ครั้งสุดท้ายก่อนมาบวช..ฝันเห็นผีแม่นาค..ท่านไม่ได้มาหลอกเหมือนแต่ก่อน..และในฝันก็ไม่รู้สึกกลัว.....
     และมาอยู่ที่วัดแห่งนี้..ก็ไม่รู้จักผีที่นี้มาก่อน..รู้อย่างเดียวที่นี้ผีดุ....
.ด้วยเหตุนี้.จึงเรียกหาผีที่เป็นกัลยาณมิตร.รู้สึกไว้วางใจ.ให้ช่วย..เพราะมีเหตุ..ที่จะต้องเดินออกจากกุฎีตอน..ตีสี่ครึ่ง..ทุกวัน..เพื่อไปทำวัตรเช้า...ที่ศาลาใหญ่..และตอนเย็น...หลังทำวัตรเย็น..เสร็จทุ่มครึ่ง(...หรือหนึ่งทุ่มไม่แน่ใจ.....)
..............เวลาเดินกลับกุฎี..ไม่ไว้วางใจ..ผีตายโหง..สองศพ..ที่โบกปูนอยู่ข้าง..ทางเดินในป่าช้า..ส่วนผีตายเก่า..ไม่กลัวเท่าผีตายใหม่ๆ...

คติ..ที่ได้จากป่าช้า..วัดป่าหนองนกเขียนคือ...มีผีเป็นเพื่อน .ดีกว่ามีเพื่อน.ผี.. ผี
จริงหรือ...
เขียนใหม่....
...
ได้ความสุข...อันเกิดจาก...
กายวิเวก...
จิตวิเวก...
....มันเป็นความสุขที่แปลกประหลาด...
แต่ก็มี..เรื่อง..
น่าหวาดเสียวหลายครั้ง...อาทิ..
...บ่ายวันหนึ่ง...ได้ศึกษา..หนังสือประวัติหลวงปู่หลอด  ปโมทิโต  ที่มีเนื้อหา....
ผีในป่าช้า..มาร้องเรียกแม่ชี..ที่กุฎี..
ซึ่งจากเรื่องเล่าอันลี้ลับ..และชวนพิศวงนี้...ทำให้เกล้าฯต้องปิดหนังสือ...
และสำรวจบรรยากาศ..โดยรอบ..
เพราะรู้สึก..ไม่ไว้วางใจ...และหวั่นหวาด..ไปชั่วหลายนาที...
ได้แต่ปรึกษา..ตัวเองว่า...เราไม่น่า..
นำหนังสือเล่มนี้...มาอ่าน..ในช่วงเวลานี้เลย....
..
วรรค.......


ภาพกุฏี..กลางป่าช้า..วัดป่าบ้านหนองผักแว่น..หนึ่งปีต่อมา.เกล้าฯ.....ไปวิเวก..คนเดียว...คืออยาก..มาอีกครั้ง..ปี 2554....

                                           
....




..กาลต่อมา.เกล้าฯ..ได้ไปบวช..ที่วัดถ้ำกองเพล..จ.หนองบัวลำภู..(บวชครั้งที่.2.ปี  2557)
...ก่อนที่จะจาริก..ไปวิเวก..ที่..วัดลานธรรมวิสุทธิมงคล..ต.นาสวรรค์ ..จ.บึงกาฬ

...วัดลานธรรมวิสุทธิมงคล 
.


ภาพนี้..ไปปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติในหลวง..งานบุญปริวาสกรรม.วัดบ้านหนองบัวน้อย..อ.ประทาย.จ.นครราชสีมา(บวชครั้งแรก.ปี2551)


                                     .  วันที่ 13 พฤศจิกายน.ปี 2558..(บขส.ขอนแก่น)..
.หลังจาก..ไปหาเจ้าแม่นาคี...และพ่อศรีสุทโธนาคราช..ที่จังหวัดหนองบัวลำภู..ในการไปถ่ายภาพพญานาคครั้งนี้..ไปเพื่ออยากจะทดสอบบุญกุศลเก่าในปางหลัง.ว่า.ยังจะได้เจอท่านพญานาคไหมหนอ....และ..ในปี 2559...
                   เริ่มตั้งแต่ต้นปี...ก็ตระเตรียมซื้ออุปกรณ์ถ่ายภาพ..ตัวใหม่..ที่ดีกว่าเดิม..มีความพยายาม.2 ครั้ง..ช่วงสงกรานตร์..และเดือน..สิงหาคมที่ผ่านมา..แต่ก็ยังติดขัด..ไม่สะดวก..ในการเดินทางไปเก็บภาพ...ไปหาดูตาม..สถานที่อื่นๆ...ก็ไม่ปรากฎ....

แต่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู.นี้..ท่านพระญานาค..ท่านมาปฏิบัติธรรม.รักษาศีล..เที่ยววิเวก...

           ....เกล้าฯเอง..เคยเดินทางไปเมืองคำชะโนด..อ.บ้านดุง.เมืองพญาศรีสุทโธนาคราช.ตอนนั้น.หวังในใจ.ลึกๆ..ว่า..คงจะได้เห็น..เหล่าพญานาค..ก็ไม่ได้เห็น...อาจเป็นเพราะไปกับหมู่คณะ..หรือเหตุใดก็ไม่ทราบ...
             ....อนึ่ง..ที่คำชะโนดผู้คน..จอแจ..คนมุ่ง..คือ..มุ่งที่จะมา..เพื่อจะสัมผัส.
.สักการะผู้เป็นจอมนาคินทร์......ส่วนใหญ่จะมา..ขอโชค.ขอลาภ..ถูฆ้องเสี่ยงบารมี..ขัดต้นไม้..หาหวย...

ด้วยเหตุนี้....จึงเลือกที่จะไปยัง..จุดที่หลวงปู่ขาว อนาลโย..ได้กล่าวไว้ในอดีต...อีกครั้ง..


แต่...คุณพ่อคำผิวของเกล้าฯ..ท่านกล่าวเตือนว่า!!
      เฮาว่า.เซาสา..เซาไปหาเบิ่งสา..พญานาค..ให้ตั้งหน้า..ทำมาหากิน..พุ้นน๊า!,!

แปลจากภาษาอีสาน..เป็น.ภาษาอีสาน.หมายถึง..บ่คือ..หรือ..

การไปเที่ยวหาดูสิ่งลี้ลับ..ไม่ใช่ทางเจริญ..ของชีวิต..มันเสียเวลา...
....แต่ถึงกระนั้น..ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา...ก็พยามยามที่จะไปให้จงได้...เพื่อไปกราบคารวะ.พ่อแม่ครูบาอาจารย์..ที่วัดถ้ำกองเพล..ด้วย..

....แต่ในวันที่จะไปก็เกิดเหตุ..พายุฝน..ตกต่อเนื่องหลายวัน..

..ด้วยเหตุนี้..ภาพถ่ายติดพญานาค..ปี 2559..ก็เลยชะงักไป 2 รอบ.....ขอรับ...

                      ปฐมฌาน..เขียน


ระเกะระกะ..ปกิณกะธรรม

23 มกราคม 2561


ภาพบุคคลสำคัญผู้มาร่วมสร้างห้องสมุด..และเผยแพร่ธรรม.ที่บ้านเกล้าฯ

1.หลวงปู่ดี  คัมภีโร เจ้าอาวาสวัดป่าหนองผักแว่น
2.พระจิรวัฒน์  ญาณวโร จากวัดป่าหนองผักแว่น อ.สมรภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

3.อ.ชัชวาลย์. พลเยี่ยม. ครูโรงเรียนตำบลนาสวรรค์
4.คุณ สาธิต  โชควนากุล. สหธรรมิก ชาว จ.กาญจนบุรี
5.ครอบครัว..กาญจนไพบูลย์.สหธรรมิก.ชาวกรุงเทพมหานคร
อาทิ.พี่ปภัสนันท์..น้องกุ๋งกิงและยายของกุ๋งกิง..


6.นักเรียนจากโรงเรียนบ้านนาสวรรค์  (ส่วนหนึ่ง..)
ภาพทั้งหมดคือ..ภาพเก่าฝุ่นเกรอะ...ตั้งแต่ เดือนมีนาคม  2553
แต่ที่นำมาเล่าให้ปรากฎ..เพื่อเชิดชู...เท่านั้น..ขอรับ

ในการเผยแพร่ธรรม...ทั่วทุกหัวระแหงในพื้นที่ตามกำลัง...ล่าสุดช่วงกาลบุญกฐิน..พ่อคำผิว  ได้นำหนังสือไปถวายวัดป่าดงคำพุ  เขตบ้านนา.งวง.สุ่ม อ.โซ่พิสัย    จ.บึงกาฬ(เป็นการถวาย.ครั้ง.ที่ 2.ปี2560)

ณ ปัจจุบัน หนังสือทางเรือนธรรม.ก็ลดจำนวนน้อยกว่าเดิม..เป็นอันมาก.
นั้นเป็นความต้องการของบิดาและเกล้าฯ..เองขอรับ..ที่จะกระจายหนังสือธรรมะให้ครอบคลุม..ให้พระภิกษุและบุคคลทั่วไปได้ศึกษา
...

12 มีนาคม 2561
ทุกวันนี้...บ้านของเกล้าฯ..เป็นที่อ่านหนังสือของ  กศน. ของชุมชน..เนื่องจากครู กศน. ขอพื้นที่ในการวางหนังสือ....จึงติดเป็นป้าย..กศน. แทน

10เมษายน 2561




 บ้านหนังสือชุมชน กศน. ตำนาสวรรค์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ

20 เมษายน 2561


รุ่ง  กิจไธสงค์(รุ่ง)

ผู้อยู่เบื้องหลัง..ในการเผยแพร่ธรรม..มีหลายท่าน..แต่ขอเอ่ยเพียง 3 ท่าน
อาทิ ..คุณ.อุษาวดี..เจ้าของห้างโซโฮ.(ไม่ทราบสาขา).เคย.เป็นอาจารย์สอน..ที่เตรียมอุดมศึกษา..ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมอันเลิศ..เคยอยู่ป่าช้า..
แต่อยู่เป็นหมู่คณะ..เว้นระยะ..ห่างรอบหลุมศพ..เพื่อให้เกิดความตื่นเต้น..เป็นลูกศิษย์สายพระป่า..ท่านผู้นี้..
ได้มอบหนังสือ..ให้เกล้าฯ..ไปเผยแพร่..เป็นอันมาก..

นันทภรณ์คลีนิคแพทย์แผนไทย
...หรืออาจารย์หญิง..นันทภรณ์ โสภะ..ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ..ทางด้านมหาสติปัฏฐาน 4 จากยุวพุทธ
(เคยเป็นวิทยากร.ของยุวพุทธ)
ท่านเป็นผู้..ส่งเกล้าฯไปปฏิบัติธรรมที่ธรรมสถานว่องวานิช..ท่านเป็นผู้เผยแพร่ธรรมะ..และสะสมหนังสือธรรมะ..ได้สละหนังสือธรรมะเป็นอันมาก..ให้เกล้าฯไปเผยแพร่

แต่มีท่านผู้หนึ่ง..เป็นมหาอุบาสก..นาม..รุ่ง กิจไธสงค์..
ท่านผู้นี้แหละ..เป็นผู้ขวนขวาย..ในกิจอันเป็นบุญ..ของคนอื่น...
เกล้าฯ..เอง..ไม่เคยชักชวน..
ไม่เคย..ขอหนังสือ..จากท่านแม้แต่ครั้งเดียว...แต่เกือบ 10 ปี..มีแต่..พี่ท่าน.(สหธรรมิก). 
เป็นผู้ .คอย.สนับสนุน..
...แรกเริ่ม..ก็รู้สึกตกใจ..ที่พี่ท่านมีหนังสือ.ธรรมะมาให้..
เพราะดูแต่ภายนอก..มีแต่อัญมณี.เพชร.มรกต..เครื่องประดับ..ไม่น่าจะมีหนังสือธรรมะ
จึงทราบภายหลังว่าพี่ท่าน..ไปเขียน.ขอรับบริจาค..
..เมื่อท่านเห็นว่าเกล้าฯเพียงพอแล้ว...แต่งานเผยแพร่..ก็ให้ทำต่อไปในนาม..เรือนธรรมแสงทางแห่งปัญญา
ท่านจึง.อาสา..ที่จะนำหนังสือเหล่านั้น..ไปเผยแพร่..ถวาย..วัด.ทางภาคเหนือ...ที่อยู่ห่างไกล.
ท่าน.มานพผู้นี้..เป็นผู้ชอบให้ทาน.สร้างศาลาพักริมทาง..รักษาศีล 5 รักษาศีลอุโบสถตามกาล..ท่านเป็นผู้เบื่อหน่าย.ในสังสารวัฏ..ชอบปฏิบัติภาวนา..
วิเวกสถาน.ของท่าน.อยู่ที่.ห้างโลตัสบางกระปิ..ชั้นหนึ่ง
(ชื่อร้าน..รุ่งช่างทองไทย.)

เนื่องจาก..มีหนังสือ..เป็นอันมาก..
จึงเป็นเหตุให้สามพี่น้อง..
.คือ.เกล้าฯ..และคุณสาธิต  โชควนากุลและพี่ปภัสนันท์  กาญจนไพบูลย์
..จึงร่วมกันเหมารถตู้..คันใหญ่..เพื่อขนหนังสืออันมหาศาล..หลายสิบลัง..ไปที่เรือนธรรม..จังหวัดบึงกาฬ..

และผู้อยู่เบื้องหลัง..กระจายธรรมะ..ไป 4 อำเภอ 11 โรงเรียนและวัดวาอาราม..ที่ใกล้เคียง..คือ.พ่อคำผิว-แม่สรวง พี่ชายพี่สาว..และเหล่าญาติ..พอนำไปเผยแพร่หลายแห่ง..ก็อาจไม่เยอะ.
.แต่..
ธรรมทานทั้งหลาย..ที่เผยแพร่ไปด้วยจิตอันกุศล.
.ที่เปี่ยมมากล้นแห่ง.ศรัทธา..
จะเท่าใด..ไม่มีคำว่าน้อย..ขอรับ..

ปภัสนันท์  กาญจนไพบูลย์(บริ๊ง)
เป็นผู้รวบรวมหนังสือธรรมะมาเผยแพร่ที่เรือนธรรมเป็นอันมากและเป็นนักปฏิบัติกัมมัฏฐาน..นั่งสมาธิ..วันละนิดหน่อย
..(วันละ.1 ชั่วโมง.เป็นปกติ)
..เคยไปเจริญสมถะภาวนา.(สมถะหมายถึง..การทำสมาธิ)..
ที่โดม..กลางป่าช้า..วัดป่าหนองผักแว่น..อ.เสลภูมิ.

สาธิต  โชควนากุล(เก่ง)
เป็นผู้รวบรวมหนังสือธรรมะจากสมาชิกเว็บพลังจิต(ห้องธรรมทาน).มาเผยแพร่ที่เรือนธรรมเป็นอันมาก...และเป็นนักปฏิบัติธรรม..ที่หาได้ยาก..เพราะ
เคยลางานที่กรุงเทพฯ..เพื่อมาเจริญพระกัมมัฏฐาน...ที่วัดดานลานหินแตก..(ลานธรรมวิสุทธิมงคล). .บึงกาฬ
ครั้งนั้น..เกล้าฯ.เป็นพระ..จึงพาเดินจงกรม..เริ่มปฏิบัติตั้งแต่ตี 3 ทุกวัน..
แต่ถ้าพิจารณา..กันตามจริง..สาธิตอุบาสก..มาช่วยเตือนสติ..มิให้เกล้าฯประมาท..ในการปฏิบัติ..จึงจะควร..เพราะมันทำให้เกล้าฯตื่นตัว..ต้องตั้งนาฬิกา.ปลุกให้ตื่น.มิให้คลาดเคลื่อน..
..
ก่อนที่จะมาร่วมปฏิบัติ..สาธิตอุบาสก..เคยไปวิเวก..ที่วัดถ้ำผาปล่อง...อ.เชียงดาว
..จ.เชียงใหม่
เคยไปทำจิตภาวนา...ที่โดม..กลางป่าช้า..วัดป่าหนองผักแว่น...อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

24 มกราคม 2561
การคิดเผยแพร่ธรรมของเกล้าฯ..เดิมที..คิดจะทำคนเดียว..ไม่คิดจะร้องขอ..ท่านผู้ใด..ด้วยเหตุ..มีอุปนิสัย
.ขนขวายน้อยทำเท่าที่มี.ตามจำนวนหนังสือธรรมะ..ที่ตัวเองชอบซื้ออ่าน..สะสม.เกือบ 30 เล่ม...และคิดจะซื้อเพิ่มนิดหน่อย
แต่..
ท่านพระอาจารย์จิรวัฒน์ ญาณวโร..พระสหธรรมิก..ที่คุ้นเคยได้กล่าว...ทักท้วง.ว่า..
ฮ้วย..ศักย์ศรณ์..คันสิเฮ็ด..
กะให้ผูอื่น..สร้างนำแนแหม๋..
ท่านจึงบอกบุญ..ไปที่น้องเก่งกับพี่บริ๊ง
และได้บริจาคหนังสือสมทบ..เพื่อใช้ในการเผยแพร่..เป็นอันมาก
สถานที่ วัดป่าหนองผักแว่น

พระญาณวโร ภิกขุ
ท่านเป็นพระที่มีความมุ่งมั่นในการทำนุบำรุง.พระพุทธศาสนาสร้างวัดป่าหนองผักแว่น..ให้มีความเจริญรุ่งเรือง..เป็นอันมาก..และท่านยังเป็นแสงประทีปส่องชีวิต...ให้แก่เด็ก..และผู้ยากไร้..ทั้งในอดีต.และปัจจุบัน..ท่านมีผลงานแจ้งประจักษ์ตามสื่อข่าวหนังสือพิมพ์และสื่ออื่นๆ..

สถานที่วิเวกของท่าน..อยู่ที่ป่าช้าวัดป่าหนองผักแว่น..อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

ในการเผยแพร่.ธรรมะที่เกล้าฯจัดทำ..ท่านพระญาณวโรภิกขุ..ท่านเป็นผู้มีอุปการะมาก..ตั้งแต่ริเริ่ม..จนวันเปิดโรงธรรม..ท่านก็ร่วมเดินทางมา..ท่านจึงเป็น..ผู้สร้างเรือนธรรมแสงทางแห่งปัญญา..โดยแท้จริง.ขอรับ

วันที่ 25 เมษายน 2561

**ท่านพระอาจารย์ญาณวโรท่านเคยเป็นพระพี่เลี้ยง..และเป็นผู้ให้เส้นทางพระกัมมัฏฐาน..ให้กับเกล้าฯ..เมื่อครั้ง..ไปถือบวชเนกขัมมะ.(รักษาศีล 8)
..เที่ยววิเวก..ป่าช้า...
คือท่านพระอาจารย์..ได้ร้องขอให้..โยมอุบาสิกา..ของวัด...ทำความสะอาด..กวาดใบไม้..รอบกุฎี..กลางป่าช้า...
(อันนี้.อุบาสิกาชาวบ้าน..เล่าให้ฟัง.ภายหลัง)..

.."ศักย์ศรณ์..นี้เด้อ..ที่ทำสมาธิ...ยามกลางคืน.."
เกล้าฯ..เห็น..ก็ตกใจ..กับแคร่ยกพื้น..ที่ถูกปลูกสร้าง..ด้านหน้าหลุมศพผีตายโหง..ที่กลางป่าช้า โบราณ..ที่มีป้ายวิญญาณ..จำนวนมาก.
เกล้าฯเห็นภาพเบื้องหน้า.ก็ได้แต่อุทาน..โอ้โห!! ในใจ...
แต่..เกล้าฯ..คิดว่า..เกล้าฯพึ่งมาใหม่..จะให้มานั่งหน้าหลุมศพในยามวิกาล..ก็เกรงผีจะหักคอ...และก็ไม่มีกิจที่จะมาเรียกผี.เพื่อ.ลนน้ำมันพราย.ด้วยเหตุนี้....เกล้าฯหรือ..จะกล้า..ทำตามคำ.ชี้แนะ..ในหนทางแห่งพระนิพพาน..เส้นนี้..
เพราะ..อารมณ์..กัมมัฏฐาน..มันเกิดทุกขณะ..อยู่แล้ว..เพราะกุฏิที่พัก.ก็อยู่ใกล้..หลุมศพผีตายทั้งกลม..ที่มีเคียว..วางใว้บนหลุม..
วรรค.....
"..ศักศรณ์...ตรงกลาง..ป่าช้า..มันเป็นเมืองเก่า..เมืองบังบด.ชุมแม่ออก(กลุ่มอุบาสิกา)..ไปเก็บเห็ด..ในป่าช้า..ยังพากันแล่น.(วิ่ง)..เพราะได้ยินเสียงเด็ก..ร้องให้.."
..เรื่องเล่า..ความเป็นมาหนหลังของป่าช้า..ถูกเปิดเผย..ในตอนค่ำของคืนวันที่ 3 ที่กุฏิท่านเจ้าอาวาส..
สาเหตุ...ตอนบ่าย..ในวันที่ 3 แห่งการวิเวกที่ป่าช้าอันร่มรื่น..
ขณะที่เกล้าฯ..กำลังขาดการภาวนา.(เผลอ.สติ)..ได้มีลมพัดเย็นๆ..มาหนึ่งวูบ.พร้อมได้ยินเสียงเด็ก..ร้องให้จ้า..อุแว๊!!!ๆๆ.ร้องอยู่นาน.
เกล้าฯ..ได้ยิน..ก็พลันนึกว่า..มีหญิงชาวบ้านอุ้มเด็กเดินผ่านป่า...หรือ.?..แต่ไม่เคยคิดเรื่องผี..พอเกล้าฯไม่คิดว่าเป็นเสียงผี..เสียงนั้นก็เงียบ...(เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าที่ไหนว่า..ผีหลอกตอนกลางวัน..มาก่อน..)
...
หลวงปู่ดี..ท่านเจ้าอาวาส..จึงกล่าวเสริมว่า...ในตอนดึกๆ..ที่กุฏีกลางป่าช้านั้น..จะมีคนขว้างก้อนหิน..ใส่หลังคา..ให้ระวังด้วย..พระพี่เลี้ยงก็กล่าวเสริม..ว่าเป็นจริง
วรรค..
ฝ่าย..พระพี่เลี้ยง..เห็นเกล้าฯ..กำลังหวั่นหวาด..หน้าซีด..ก็เลย..มีความหวังดี..จะเล่าความเฮี้ยน!!!..เพิ่มขึ้นอีก...
..เกล้าฯ.หวาดกลัว.ก็เป็นฝ่าย..ร้องทัดทาน..ว่าหลวงพี่..พอเถอะอย่าเล่าอีกเลย...เดี๋ยวคืนนี้ผมกะสิไปนอนยุ...
....
ที่รีบห้าม..เพราะเกรงสติตัวเอง.จะเตลิด...แค่หลวงปู่เล่าว่าดึกๆ..จะมีคนขว้างก้อนหิน.ใส่หลังคา..เกล้าฯก็คิดว่า..คนที่ไหนจะมาดึกๆ..ในป่าช้าหนอ..
...
ว่าแล้วก็ชำเลืองมองนาฬิกา.บอกเวลาจวนจะทุ่มครึ่ง..ก็เกิดกลัว..ถ้าหากดึกกว่านี้.เกรงจะไม่กล้าเดินเข้าป่าช้า..จึงรีบ..กราบขออนุญาติท่านเจ้าอาวาสและพระพี่เลี้ยงเพื่อไปตั้งหลัก..ตั้งสติ...ในป่าช้าก่อน...
เพราะสถานที่ป่าช้าแห่งนี้..ไม่ธรรมดาเสียแล้ว...คว้าได้ไฟฉายเพื่อนคู่ทาง.จึงรีบเร่งรุด..ไปที่กุฏีกลางป่าช้า.ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อน.คู่ยาก..
....
2 พฤษภาคม 2561..

สถานที่ สวนสุขภาพร่มเกล้า

ศักย์ศรณ์  สุวรรณ์..(สยาม)

นะ  เมตตา
โม  กรุณา
พุท  ปราณี
ธา  ยินดี
ยะ..เอ็นดู
เมื่อความกลัวเข้าถาโถม..ก็เร่งภาวนาจิต..ของตนเอง..เป็นคำบริกรรม..คาถา เมตตา...เพื่อขอความเมตตา..ต่อเทพยดาฟ้าดิน..และสิ่งศักสิทธิ์ที่อยู่ในวัดป่าหนองผักแว่น..ให้คุ้มกันภยันตราย..จากสิ่งที่มองไม่เห็น..ยามราตรี..


เมื่อไปถึงที่พักก็ประกาศย้ำธัมมะเภรี..ธัมมจักกัปปวัตนสูตร..ให้อุโฆษณ์.อุโฆษณาการ..หลังกล่าวธชัคสูตร..ว่าด้วยธงอิติปิโส.ธงแห่งพระรัตนะตรัย..ถัดจากนั้น..ได้บริกรรม..คาถาเมตตา..อีกครั้ง..
เพื่อให้จิตอยู่คำบริกรรม...ไม่ส่งจิตออกนอก
.แต่ถ้าหากจิตตนเอง..ยังตื่นกลัว...จะตวาดป่าช้า..ด้วยคำว่า..
ออแอ..อออา..เมตตา พุทโธ..(คาถาเมตตา.หลวงพ่อจำเนียร.วัดถ้ำเสือ..)..
เกล้าฯนำมาตวาดผี...
เมื่อกล่าวคำ.นี้สัก.สองสามคำ..(ไม่เกิน 3 ครั้ง)..ก็จะภาวนา..คาถาเดิม...ที่เน้นภาวนาคาถานี้...จำมาจากหนังสือสามเณร.เดินธุดงค์..เจอพระลึกลับกลางป่า...มาสอนคาถาให้..แล้วอันตธาน..หายไปอย่างลึกลับ..ก่อนหายตัวไปพระภิกษุ..ได้กล่าวเตือนสามเณรใว้..ว่าให้จำคาถานี้ใว้..ใช้ในคราวคับขัน..จะช่วยได้...เกล้าฯก็ท่องจำทันทีนับตั้งแต่วันที่ได้อ่าน..เพราะพิจารณา..ถึงภาษา..ที่รำลึกถึง.ความเมตตา.ของ.พระพุทธเจ้า 4 พระองค์
(ในภัทรกัปป์นี้)
กับพระโพธิสัตว์ อีกหนึ่ง.ที่จะไปอุบัติในกาลข้างหน้า...ทรงพระนามว่าพระศรีอาริยะเมตไตร..


7 เมษายน 2561
การใช้คาถา..ก็เหมือนการกินยา..ถ้าป่วยหนัก..จะพึ่งยาแก้ปวดชนิดเดียว..ก็ไม่ได้..ต้องพึ่งหลายชนิด..ต่างสรรพคุณ..
คาถา..5..แถวเกล้าฯรู้ภายหลังว่าเป็นคาถาเมตตามหานิยม..ผลที่ได้จากการทดลองใช้ย่อมเป็นที่รัก...แก่ภูติผี.ปีศาจ..และนางไพร..หรือถ้าท่านผู้ใดรักษาศีล แม้แค่ศีล..5.ย่อมชื่อว่ามีเกาะไฟ..กายของผู้นั้นย่อมเร่าร้อน...วิญญาณที่ประทุษร้ายมาสัมผัสย่อม.มอดไหม้
วรรค...ยังมีคาถาอีกหนึ่งบทที่เป็นเกาะคุ้มกาย.กำแพงมนต์..คือ..คาถามงคลจักรวาลทั้ง 8 ทิศ...
.เมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น...เกล้าฯทำงานที่กรุงเทพฯจะไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านนอก..เกิด..มีเหตุ..ได้ไปเที่ยวโรงแรม..(ไม่มีรถเข้าหมู่บ้าน) ..แทนที่จะเสียใจ..กลับดีใจ..ที่จะได้ทดลอง..ไปนอนโรงแรม...แต่ก็อดหวั่นใจ..ไม่ได้..เพราะตามหนังสือนิยาย..ชอบเขียน..โรงแรมผีดุ.
.ตัวเองก็เป็นคนกลัวผี..จึงบอกกับ..เจ้าของโรงแรมว่า..ขอพักห้อง..ที่ไม่มีผีสิง...
ด้วยความกลัวผี...จึงคิดว่า..คาถา.เมตตา..นี้แหละจะเป็นที่พึ่ง..หลังสวดอิติปิโส...ก็สวดยันทุนฯแก้ฝันร้าย..จากนั้นก็สวดคาถา เมตตามหานิยม..
...พอล้มตัวลงนอน...(กายเนื้อหลับแล้วไหม..ไม่แน่ใจ..มันเหมือนเหตุการณ์จริง..)..แต่อีกกาย.(กายทิพย์)..เกิดรำคาญพัดลมเพดาน..ที่เปิดเสียงดัง..จึงเดินลงจากเตียง...ไปปิดพัดลม..อยู่สองสามครั้ง..ก็ปิดไม่ได้....จึงเดินกลับมาที่เตียง..ขณะที่จะล้มตัวลงนอน...ได้มีหญิงสาวสวยนางหนึ่ง..แต่งตัวเหมือนหญิงสาวไฮโซ..ใส่เสื้อเกาะอกสีทอง..เปิดเผยหัวไหล่อันขาวเนียน..เดินทะลุประตูห้อง..และมาถึงเตียงเกล้าฯอย่างรวดเร็ว...จะด้วยอำนาจมนต์..ของเธอหรืออำนาจกิเลส.ของเกล้าฯ..ก็ไม่รู้..แต่คงจะเกิดเป็นด้วยอำนาจของ..บุญกรรม..หรือไรก็มิทราบได้...จึงเป็นเหตุ..ให้ต้องมี.เรื่องชู้สาวกับเธอที่อยู่ต่างมิติ..ต่างภพ...
แต่..พอได้สติ..รู้สึกตัวตื่น...ตอนนั้นมันมีความรู้สึกว่า...ตัวเองไม่ได้สมยอม..แต่สิ่งที่เป็นคือยินยอม. 
มันรู้สึกว่าตัวเองเสียหาย..ก็กล่าวโทษผีสาวนางไม้(นางไม้ที่มากับเตียงนอน)...ว่าเธอมาใช้อำนาจมนต์กับเรา.......ก็เอาหละ..จะขอใช้อำนาจมนต์..ที่ยิ่งกว่า....ว่าแล้ว..จึงกล่าวบท..กำแพงมนต์...เพื่อปิดกั้นกระแสทางแห่งรักระหว่างภพ..ของมิติ..อีกแห่งที่แทรกโลกธาตุ.แม้เธอจะแสนสวย..แต่ตอนนั้น..คิดแต่เรื่องคนและผีไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้(จำมาจากหนังผีโปเยโปโลเย..อาจารย์ปราบผีกล่าวเช่นนั้น.)..จึงขอกล่าวใหม่..ลองคาถา...จนลืมไปว่าอีกดวงจิตหนึ่ง..นั้น.อาจจะร้องให้เสียใจ..ก็ได้..เพราะทุกจิตวิญญาณในแดนภพแห่งการเกิดดับนี้...ล้วนแต่.ต้องการเหตุผล...และคำอธิบาย....



อสุราเสนานาค..เรียบเรียง

ความจำเป็น..ในการอยู่ป่า..คือต้องมีศีล..
ถ้าเว้นจากศีลแล้ว..ก็อย่าคิดไปวิเวกที่ป่าช้าเลย
...
.26 ตุลาคม 2561
เรื่อง สร้างทานา
อนึ่ง..การทำบุญ..สร้างบารมี..เป็นสิ่งที่..มิควร..นำมาอวดอ้างกัน...ยิ่งผู้ยากไร้..เช่นเกล้าฯ..ก็รู้สึกประหม่า..ในการบอกว่าตนไปขนขวาย..บุญในที่ใดบ้าง......ขอรับ...แต่ก็จำต้องเขียนใว้...เผื่อเป็นจุดต่อ..ไอเดีย..
ให้ท่านอื่น...ไปริเริ่ม..ที่ดียิ่งกว่าตน...
...
กัมมุนา  วัตตติ โลโก...พุทโธ..ตรัส
.คือระหัส..ใช้จำแนก..แจกแจงสัตว์
ให้...หยาบ..ประณีต....ปานกลาง..นานาสารพัด
จะวิบัติ..หรือชั่ว.ดี...ที่..แรงกรรม
....
   
เรื่องศีล..เกล้าฯ..ก็เริ่มรักษาศีล.ตั้งแต่..อายุ 13 ปี..ตั้งแต่เป็นสามเณร...จบ นักธรรมโท....เรียนตามหน้าที่..สนใจเท่าที่เรียน..ต่อเมื่อได้ศึกษาธรรมะประวัติของ..หลวงพ่อชา.สุภัทโท.แห่งวัดหนองป่าพง.(ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ..หลวงพ่อชา)....จึงรู้ว่า..ธรรมะเป็นเรื่องน่าศึกษา..ด้วยเหตุ..ชอบใจคำกล่าวของหลวงพ่อชา..ที่ว่า

"มรรคผล  ยังไม่พ้นสมัย 
 มีแต่คนโง่เท่านั้น..ที่บอกว่าในผืนดินไม่มีน้ำ..แล้วไม่ยอมขุดบ่อ"
..


บุญกิริยาวัตถุ.มี3 อย่าง...ที่สร้าง..ก็เหมือนท่านผู้อ่านทั้งหลายนั้นแหละ..มีทาน ศีล ภาวนา...ทั้ง 3 อย่างนี้...ก็รักษาและพยายามทำ..ทุกที่..ทุกโอกาส...เท่าที่กำลังจะทำได้..แบบลุ่มๆดอนๆ.ขอรับ
...
สถานที่ที่เคยไปบวชเนกขัมมะ..ที่เป็นสถานที่คนหมู่มาก..อาทิ

วัดธรรมกาย  คลองสาม..ปทุมธานี
วัดธรรมมงคล  สุขุมวิท101 กรุงเทพ
วัดเขาสมโพชน์   อ.ชัยบาดาล  จ.ลพบุรี

ทั้ง 3 แห่งนี้มีข้อปฏิบัติที่แตกต่างกัน..วัดธรรมกาย..นี้จะมีเทคนิคการสอน..ฐานที่ตั้งของสมาธิ..อันแน่นแฟ้น.เหนือนาภี..2 องคุลี..ภาวนาคำว่า..สัมมาอะระหัง...


(การตั้งฐาน..สมาธิแบบนี้...ปรากฎมีตำราเก่าของพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน..ที่สอนที่ตั้งฐานของสมาธิเช่นนี้..)

วัดเขาสมโพชน์ นี้จะเน้นภาวนา..ยุบหนอ..พองหนอ..

วัดธรรมมงคล..สถาบันจิตตานุภาพ...เน้น..ภาวนา..พุทโธ
(ไปเรียนครูสมาธิ...รุ่น 30 ..แต่เรียนไม่จบ..)

ในเรื่องทาน...ถ้าไม่ฝันเห็น...กองบุญ...ก็ไม่กล้าทำมากเหมือนกัน....แต่ถ้าภิกษุเป็นผู้มีศีล..บริสุทธิ์.แม้รอนแรมไปไกลๆ..ก็ไป...แม้ไม่ฝันเห็นก็ไป.
การทำบุญของเกล้าฯ..ไม่ได้นับว่า..มากน้อยเพียงใดเพราะ....แม้ช่วยมดหรือแมลงออกจากโถส้วม...เกล้าฯ..ก็คิดว่าเป็นการสร้างบุญ...
...
เพราะพระพุทธองค์เคยตรัสว่า....ผู้สาดน้ำไปยังที่ลุ่มและที่ดอน...หากตั้งจิตปรารถนา...เพื่อยังให้สัตว์..ได้อยู่อาศัย..พระพุทธองค์ก็กล่าว..ว่าเป็นบุญ...ขอรับ

แต่ถ้าหาก..จะกล่าวว่า..มีการทำบุญ..ครั้งไหน.ที่เกิดนิมิตเห็น..ผลบุญที่จะได้...ถึงขั้นเทียมเทวโลก....ก็มีอยู่ครั้งเดียว...ขอรับ.
คือ..คืนหนึ่ง..เกล้าฯ..เกิดนิมิตว่า.
..เห็นลักษณะปราสาทยอดแหลม..สูงตั้งแต่พื้นโลก..ไปจนถึงเทวโลก..หรือที่ใด..ก็มิทราบได้..

พอฝันอย่างนี้..ก็รู้สึกแปลก..ก็ไม่คิดว่า..เป็นเรื่องของกองบุญ...แต่เมื่อล่วงไป..3 วัน ท่านครูบา.บัณฑิต อาจาโร...ท่านเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครู....มีกำหนดฉลองสมณะศักดิ์...และถวายทาน..และผ้าไตร..20 ไตร  แต่ในส่วนของผ้าไตรนี้...ท่านหาเจ้าภาพยังไม่ได้..
...
ท่านจึงโทรศัพท์มาบอกบุญ...เกล้าฯที่กรุงเทพฯ..ก็มาพิจารณา..ถึงนิมิต..ปราสาทยอดแหลม...ที่ฝันเห็นนี้..คงจะเป็นผลบุญอันยิ่งใหญ่..
...กอปรกับ...วันงานของท่าน..ก็จะถึงกำหนดแล้ว...ถ้าท่านครูบาอาจารย์(เจ้าอาสวัดป่าหนองนกเขียน)..ไม่เดือดร้อน.เรื่องเจ้าภาพไซร้...ท่านก็คงไม่มาบอก...ในระยะกระชั้นชิด.ขีดแดง.คืออีก 5 วันก็จะถึงกำหนดจัดงานแล้ว..
.อันเข้าลักษณะกรุงศรีอยุธยา..กำลังจะแตกพ่าย...ถอยร่น..ไม่เป็นขบวนเป็นแน่.......จึงกล่าวรับเป็นเจ้าภาพ.....
..
ผ้าไตร 20 ไตร ในราคา 30,000 บาท...คือท่านพระจารย์ท่านก็ให้ช่วยบอกบุญคนอื่นนั้นแหละขอรับ...
..แต่อุปนิสัยของเกล้าฯ...ก็เป็นผู้ขนขวยน้อย....
การบอกบุญในความรู้สึก..ก็เหมือนร้องให้ต่อหน้าผู้อื่น.ในกรณี.ถ้าเขาไม่มีศรัทธา..
แต่ถ้าหากเขามีศรัทธา...เขาก็ย่อมรื่นเริงในบุญ..ด้วยเหตุนี้
..จึงรับมาทั้งหมดเลย...
...
..แต่ในจำนวนกองบุญครั้งนี้...มีสหธรรมมิก..อุบาสิกา..วัยหนุ่มสาว...ท่านหนึ่งที่ร่วมรับรู้ในเหตุการณ์..ของการสนทนา..และรับรู้ความเดือดเนื้อร้อนใจ.ของพระเถระ...และมองเห็นอานิสงค์อันยิ่งใหญ่แห่งบุญ...จึงขอแบ่งส่วนในการสร้างทาน.จากเกล้าฯครึ่งหนึ่ง..จำนวน..15,000 บาท..
.....
แต่เป็นเรื่องอัศจรรย์..อยู่ว่า...เธอไม่มีเงินที่จะทำบุญเลยด้วยเหตุแห่งรายจ่ายที่มีรอบด้าน..จึงขอยืมเกล้าฯ...เพื่อสร้างทานครั้งนี้..แม้เกล้าฯจะบอกว่า..มิต้องผ่อนคืน..เธอก็มิยินยอม
และหลังจากนั้น...เธอก็ติดหนี้บุญ

..และรักษาคำสัจนำงินมาผ่อนชำระ..เป็นรายเดือน..ขอรับ

..ในส่วนตัวของเกล้าฯ..ทานของเธอยิ่งใหญ่กว่าเกล้าฯ..ยิ่งนักเพราะเธอสร้างขณะชีวิตติดลบ..จนคิดว่าในโลกของเรายังมีบุคคลเช่นเธอผู้นี้..อาศัยอยู่..ในโลกด้วยหรือ..นี้.
...เธอผู้นั้น..ชื่ออภิสรณ์  เขื่อนคำ  เป็นครูสมาธิรุ่นที่ 30 ลูกศิษย์หลวงพ่อวิริยังค์  สิรินธโร แห่งวัดธรรมมงคล...ขอรับ

....
การสร้างบุญของเกล้าฯ...ก็มีครั้งนี้.แหละขอรับ.....ที่อัศจรรย์ในการสร้างมหาทาน...ของท่านผู้อื่น
และเป็นมงคลที่สุด...เพราะ..ได้ทำบุญกับผู้ทรงศีล..ทรงธรรมและเป็นอาจารย์ของตัวเอง....
ที่ครั้งในกาลก่อนเกล้าฯ..ก็เคยต้องอาบัติ..เพราะรักษาผ้าอันตรวาสก..ไม่ได้...ต้องอาบัตินิสสัคคียะปาจิตตีย์..(อาบัติ..เกี่ยวกับการรักษาผ้า 3  ผืน.ไม่ให้ล่วงราตรี)....
ท่านพระอาจารย์...ก็ให้ปลงอาบัติและกล่าวแนะนำในทางที่ถูก..ที่ควร
คือพระป่าจะรักษาศีลเคร่งครัด...แม้จะอาบัติเพียงเล็กน้อย...
ท่านก็ไม่ข้าม....ขอรับ


........วรรค.............


23 กุมภาพันธ์ 2562

เกล้ากระผมพึ่งกลับจากบ้านนอกมา..จังหวัดบึงกาฬ..ไปกราบหลวงพ่อใหญ่บ้านท่าไคร้..พระคู่บ้านคู่เมือง..ที่  ร.อ คำม้าว จันทวงศ์ ทหารชาวลาวบ้านปากบึงฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขง ก่อนออกรบจะมาขอพรหลวงพ่อพระใหญ่ทุกครั้ง เครื่องบินตก.3 ครั้งไม่ตาย..ที่มาของเรื่อง/กราบไหว้หลวงพ่อพระใหญ่-วัดโพธาราม/(คลิกชื่อวัด)วัดโพธาราม

หลวงพ่อใหญ่บ้านท่าไคร้..พระคู่บ้านคู่เมือง..ของชาวบึงกาฬ
ปางมารวิชัย(สะดุ้งมาร)
หรือปางปราบมาร..ตามตำนานท่านสร้างปีใดไม่ปรากฎ..แต่ตามที่เกล้ากระผมสันนิษฐานโดยธรรม..ก็อายุราวๆ..1,123ปี..ไม่มากกว่านี้และน้อยกว่านี้..ในอดีตชาวบ้านไปพบก็เป็นเถาวัลย์..ขึ้นปกคลุม..ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก...
.ใครแม้มีเพียงรูปท่านบูชาท่านก็จะตามไปดูแลรักษาหมด...

วัดโพธาราม บ้านท่าไคร้ ตั้งอยู่ติดริมโขง...ห่างจากตัวจังหวัด..แค่ไก่บินตกหลายร้อยครั้ง..กล่าวตามจริง..ไม่เกิน  14นาที..นั่งรถไป..ถ้าขับไวก็..ใช้เวลาสั้นกว่านี้....ตอนเป็นวัยรุ่น..เกล้ากระผมเคยมารดน้ำพระ...และรองน้ำนำกลับมาด้วยในเทศกาล..สง(รดหรืออาบ)น้ำพระใหญ่...ซึ่งเป็นงานใหญ่ของจังหวัด...จัดทุกปีหลัง.สงกรานตร์..
....
เกล้าฯเองไม่ได้ไปกราบ..หลวงพ่อใหญ่นานแล้ว...เพราะมุ่งแต่ไปหาพระที่อื่น...สงสัยท่านหลวงพ่อใหญ่..คงรู้อุปนิสัย..ของเกล้าฯ..ที่ชอบเรื่องฤทธิ์จิตสัมผัส...พอได้ไปกราบท่านอีกครั้ง..พอก้าวขาลงจากรถ...สัมพื้นดินของวัดเท่านั้น....ก็มีอาการขนลุกขนพอง...ตั้งแต่หัวจรดเท้า 3 นาที.ก็หาย..ปกติไปวัดใดไม่เคยเป็นแบบนี้
(อย่างมาก.ก็ขนหัวลุก.อาทิก้าวเท้าแตะบริเวณ..ทางไปวัดถ้ำกองเพล.ที่อยู่ห่างเกือบ 1 กิโลเมตร)
....ก็เลยถามผู้ที่ร่วมคณะไปด้วยว่ารู้สึกเช่นใด...เขาบอกว่า..ขนลุกไปทั้งตัว...ยิ่งไปกราบท่าน..ก็ยิ่งมีคลื่นพลังมาปะทะ...ทำให้รู้สึกว่าท่านมีอานุภาพมาก....
เกล้ากระผมเห็นเหตุอัศจรรย์เช่นนี้..จึงกราบขอเป็นลูกของหลวงพ่อใหญ่บ้านท่าไคร้...
ครั้งในกาลก่อน..เคยมาแต่ท่านไม่เคยทำ.ปาฏิหาริย์ให้ตื่นสะท้านขนลุกขนพอง....มาบัดนี้..ท่านแสดงเหตุ...จึงมีความระมัดระวังในศีลของตัวเอง..มากขึ้น..นับแต่มากราบขอเป็นลูกท่าน..ตั้งแต่บัดนั้นแล....
.
ภาพ.มี 3 องค์ประกอบ
 1.ด้านหน้า..วิหารยกพระเสี่ยงทาย..และทำบุญบูชา..เครื่องราง..หลวงพ่อพระใหญ่..
มีบูชาตั้งแต่.50 99 120  ฯลฯ.หรือเหรียญรุ่นแรกเล็กๆ..ก็ราคา หนึ่งพันกว่าบาท..สร้าง..ในปี 2528..
แต่องค์ใหญ่ๆสวยๆ..200-300 ก็มีให้บูชา..แล้วแต่ศรัทธา

2.ด้านหลัง....พระอุโบสถ.ที่ประดิษยสถานหลวงพ่อพระใหญ่
3.ด้านข้างวิหารยกพระเสี่ยงทาย...เป็นที่ทำพิธีบรวงสรวงพญานาคทั้งหมดที่อยู่ลุ่มน้ำโขง..


สุภาพสตรี..สามารถอฐิษฐานขอพร..หน้าโบสถน์ได้.
..แต่มีป้ายห้ามผู้หญิงเข้า(เว้นแต่ผู้ชายเข้าได้)

คำขอพรจากหลวงพ่อใหญ่

ศาลาสำหรับสตรี..มากราบ.ขอพรหลวงพ่อใหญ่จำลอง..
(ตามภาพเกล้าฯกำลังปักธูป..มีพี่สาวและน้องสาวแม่(น้า)

ข้อห้าม..ในการกราบสักการะหลวงพ่อใหญ่...
..(ห้ามกันในท้องถิ่น.ในครอบครัวเท่านั้น)..
ห้ามมากล่าวคำสาบดสาบานอันใด..ที่ตัวเองมิสามารถทำได้...ก็อย่ามากล่าวให้ตนเองฉิบหายเลย...ถ้าหากแม้นยังมาเอ่ยคำสาบาน..ต่อหน้าพระใหญ่...ก็จะได้ฉิบหายวายวอดตามที่มัน..อีไอ้..เคยสาบด..สาบาน..มาแล้วนับแต่โบราณ...ที่มา..พ่อคำผิว สุวรรณ์..พ่อของเกล้ากระผมนี้แหละบอกเล่าตำนานความศักดิ์สิทธิ์...
หรือที่มีผู้กล่าวเตือนสติเผยแพร่...เพื่อมิให้ท่านคิดประมาท...ก็คลิก..
...
พิจารณาตามจริง...
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง..จะตายด้วยเหตุพระพุทธเจ้าทำร้าย..ให้ตายไปจะเป็นไปได้หรือ?...ในเมื่อพระพุทธเจ้าหลวงพ่อพระใหญ่เป็นเพียงผู้ปกปักษ์รักษา..ให้ผู้มาขอพรเจริญรุ่งเรือง..
..

การที่ผู้ใด..มากราบแล้ว..มีเหตุภายหลัง..ก็เนื่องจากเหตุแห่งวจีกรรม...หรือกรรมในอดีตเท่านั้น..ที่เป็นตัวให้ผล..ขอรับ

5 มีนาคม 2562

เรื่องเล่า.ประสบการณ์..บอกเล่าเรื่องราวปาฏิหาริย์..หลวงพ่อพระใหญ่...มีผู้รอดตายบางส่วนที่มีการจดบันทึกตำนาน...ให้ค้นหาที่www.พระประธาน-พระคู่บ้านคู่เมือง-๗๗-จังหวัด

5 มิถุนายน 2563
ช่วงต้นเดือนเกล้าฯ เดินทางกลับ กรุงเทพ-บึงกาฬ  โดยมอเตอร์ไชด์ ..อย่างเร่งด่วนเพราะทราบข่าวว่า..พ่อเดินแล้วจะหกล้มอยู่บ่อยครั้ง..แม่มีอาการปวดหลัง..เนื่องจากต้องการไปปรนนิบัติ พ่อแม่..จึงต้องเดินทางอย่างเร่งรีบ....

คืนที่เดินทาง รู้สึกตื่นเต้น นอนได้นิดเดียว เพราะไม่เคยขี่จักรยานยนต์ระยะไกล..อย่างมาก กรุงเทพ-ประทาย ก็ถือว่าไกลแล้ว...ด้วยวิตกต่างๆนาๆ จึงลุกขึ้นมาภาวนากลางดึก..และขณะที่ขี่รถก็นึกถึงหลวงพ่อพระใหญ่ตลอดเวลา..ไม่สนใจ สิ่งภายนอก...เพราะต้องการขี่ทำเวลา...พอขี่มาถึงปากช่อง..น้ำมันหมดเกลี้ยงถัง..ปกติถ้าหากหมด จะมีถังสำรอง...แต่วันนั้นเผอิญ เผลอ..ไปเปิดวาล์ว..ให้ใช้หมดทุกถัง...พอรู้ตัวก็รู้สึกไม่ตกใจมาก...เพราะอยู่ตรงข้ามปั๊มน้ำมัน..แต่ที่ตกใจมากคือ กุญแจสำหรับเปิดถัง..ได้หล่นออกจากที่เสียบสำหรับสตาร์ท.,,ซึ่งการหล่นหายเช่นนี้...มันคืองานใหญ่..เพราะหลักๆ ไม่สามารถเปิดถังน้ำมันได้...
ยืนครุ่นคิดหนัก....สักพัก..เพราะไม่รู้กุญแจกระเด็นหายตั้งแต่เมื่อไหร่  จึงมองหากุญแจ...เดชะบุญ..พวงกุญแจได้พลัดหล่นลงมาค้างกับ.แตรมอเตอร์ไชด์..,ซึ่งมีขนาดเล็กนิดเดียว...จึงได้แต่คิดว่าเป็นบารมี หลวงพ่อพระใหญ่ 
คุ้มครอง...ให้แคล้วคลาด ในครั้งนี้

4 กรกฎาคม 2563
ทริป กรุงเทพ-บึงกาฬ
ขอขอบคุณ..พี่บอล...ที่เอารถมายก.รถKr150 ขึ้นรถกะบะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย..เพื่อไปส่งปั๊มน้ำมัน ระยะทาง 1 กิโลเมตร..รถดับบนเชิงเขา อยู่ตรงข้ามปัํมน้ำมันก็จริง(..แต่ถนน 2 เลนทางโค้งอันตราย..มีเหล็กกั้นตลอดทาง.. )...ผู้นำมาส่งจะออกค่าน้ำมันให้..พร้อม..เงินค่าใช้จ่าย..ในการเดินทาง...ทุกๆอย่าง...แต่เกล้าฯบอกว่า..ขอบคุณ..และไม่ขอรับเงินช่วยเหลืออื่นใด...และเป็นนาทีฉุกละหุก..ในปั๊มน้ำมัน...คือ..กระเป๋าสะเป้หลัง..ของเกล้าฯ..ที่บรรจุ..ของมาหนัก..ขณะกำลังเติมน้ำมัน..ซิปได้ปริแตกทะลัก...เทกระจาย.....ตามพื้นปั๊มน้ำมัน....และพี่เขาก็เห็นว่า..กระเป๋าเงินเกล้าฯ...มีเงินติดตัว พี่เขาก็ขอตัวผละจากไป....เกล้าฯก็ร้อง..ขอบคุณพี่เขา...และก้มเก็บตังส์...เหรียญ..,ที่หล่นกระจายเต็มพืัน....

6 กรกฏาคม 2563
        ภาพ วัวหาย แล้ว ล้อม คอก..(ขากลับ..ติดถังน้ำมัน.ฉุกเฉิน)
พาพ่อมากราบ สักการะ หลวงพ่อใหญ่บ้านท่าไคร้

***มีเรื่องแปลกประหลาด..สำหรับการเดินทาง..ครั้งนี้คือ..ได้เจอพี่คนหนึ่ง..ที่เป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลของสาขา..และเคยเป็นผู้ร่วมฝึกสอนเทคนิคสอนงาน...การลงโฆษณา.ก่อนหนังฉาย.การทำFlimหนัง คือบริษัทหนังจะส่งมาเป็นม้วนฝ่ายฉายนี้แหละต้องทำม้วนหนัง 5-6 ม้วน ให้ฉายให้จบในม้วนเดียว(แตกต่างจากหนังกลางแปลง..ที่รอต่อทีละม้วน..) .ตลอดถึง การควบคุมงานฉาย ภาพยนต์ ฯลฯในเครือโรงหนัง EGv 14 (คือมี 14 โรง)ตามจริง..เป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่ให้เคารพอย่างยิ่ง..อัทยาศรัยดี..อารมณ์ดีมาก..จะมีความพอใจ..และรู้สึกสนุกทุกๆครั้งที่ได้ร่วมงาน.ที่ได้เห็นในทุกๆวันอย่างไม่รู้สึกเบื่อ.หลังจาก ไม่ได้เจอกัน..มาเกือบ 20 ปี..ไม่นึกไม่ฝัน..ว่าจะเจอกัน..ที่เซเวน ปั๊มน้ำมัน..ที่เกล้าฯ..ทำเหรียญ..กระจายเต็มพื้นแห่งนั้น..ซึ่งตามไทม์ไลน์ พี่เขาอยู่พิษณุโลก..เกล้าฯ อยู่บึงกาฬ..เคยร่วมงานกันที่ EGv(Entertain Gloden Village)ซีคอนสแควร์.กรุงเทพ(ตำแหน่งProjectionnist.พนักงานฉาย)มันเป็นเรื่องยาก.มาก..ที่จะพบเจอกัน..

มันเป็นปาฏิหาริย์..แห่งบุญ,จริงๆ...ที่ได้เจอ...ได้แต่คิดว่า..บางทีโลกก็แคบ..เผอิญ..พี่เขามามีครอบครัว..ที่ปากช่อง.มันเป็นเรื่องบังเอิญ....

ใช่ ศักย์ศรณ์ ไหม? พี่โก๊ะ ถาม 2 ครั้ง เพราะไม่แน่ใจ ทุกๆคน ในเซเวน ต่างอยู่ในสถานการณ์  กลัวโรคโควิช ต่างปิดหน้าด้วยแมส...ยากแก่การจดจำใบหน้า
เกล้าฯ..ก็เป็นมนุษย์สล๊อตค่อยๆหันมองรอบข้าง..ก่อนจะเห็นดวงตา ที่คุ้นเคย บวก กับน้ำเสียง จึงทัก ไปว่า พี่โก๊ะเหรอ...แล้วประโยค 4-5-6 ก็ตามมา...มันเป็นความดีใจที่ได้เจอกัน...ถามสารทุกข์สุกดิบ..ได้ให้สิ่งที่จะไม่ให้หลุดวงโคจรแห่งชีวิต(แลกเบอร์โทร).และกล่าวคำอำลา...เพราะนาฬกาชีวิตของแต่ละฝ่าย..มีขีดจำกัด...
..
และ..ขณะ ที่กำลัง จะไปจ่ายเงิน...ที่เคาเตอเซอร์วิช...พลัน..เจอพี่โก๊ะอีกครั้ง...ที่กำลังรอจ่ายตังส์...รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย
...เพราะ...
โดยมารยาท...เมื่อเราได้กล่าวคำอำลาต่อผู้อื่นแล้ว...เราก็ไม่ควรไปเสนอหน้า..หรือพบเจอกับเขาอีก..คือ.ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม..สักระยะ

....เกล้าฯก็เอายังไงดีหว่า.นึกว่าพี่เขาออกจากร้านไปแล้ว...ก็เลยเดินอ้อม...ไปด้านหลังพี่เขา...ทำทีไม่เห็น..และมองหา..สิ่งของที่ต้องการ...ที่ยังไม่ครบ..ทั้งที่ตามจริง...ก็ไม่มีอะไร..จะซื้อแล้ว....